ติด 'จีพีเอส-เพิ่มโทษ' ทิ้งขยะอุตฯ

ติด 'จีพีเอส-เพิ่มโทษ' ทิ้งขยะอุตฯ

ลักลอบทิ้งกาก'ปรับ1.5ล้าน-จำคุก2ปี' ติด 'จีพีเอส-เพิ่มโทษ' ทิ้งขยะอุตฯ ระบุทั่วประเทศมีพื้นที่ทิ้งขยะ 4,000 แห่ง เฉลี่ย 40,000 ตันต่อวัน

อุตสาหกรรมเตรียมแก้กฎกระทรวงคุมเข้มขยะอุตฯ ติด จีพีเอส-เพิ่มโทษปรับ 1.5 ล้านบาท จำคุกมากกว่า 2 ปี คาดแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน สั่งอุตฯจังหวัดทั่วประเทศ ตรวจสอบบ่อขยะชุมชนทุกแห่ง ด้าน นายกฯ สั่งบูรณาการทุกหน่วยงานแก้ปัญหา พบบ่อขนาดใหญ่ 69 แห่งทั่วประเทศ ขณะ ดีเอสไอ ลั่นพบขยะพิษ รับเป็นคดีพิเศษทันที

กระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมออกกฎกระทรวงดูแลการทิ้งขยะอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด พร้อมกับเพิ่มโทษมากขึ้น หลังจากบ่อขยะ ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมบางปูที่เกิดไฟไหม้ และส่งผลกระทบต่อประชาชนในกรุงเทพมหานคร ถึง 7 เขต รวมถึงในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ

บ่อขยะแพรกษาเกิดเพลิงไหม้ ตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. ทำให้เกิดหมอกควันจำนวนมากพัดเข้าสู่เขตกรุงเทพฯ ตามทิศทางลม แต่เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังครั้งใหญ่เพื่อพยายามดับเพลิง ทั้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงในหลายพื้นที่และกำลังทหาร จนกระทั่งสามารถดับไฟได้หมดเมื่อวันที่ 23 มี.ค. ที่ผ่านมา

นายประเสริฐ บุญชัยสุข ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จะออกมาตรการป้องกันการลักลอบทิ้งขยะให้เข้มงวดมากขึ้น หลังจากพบว่ามีการลักลอบทิ้งขยะอุตสาหกรรมลงในบ่อกำจัดขยะชุมชน จ.สมุทรปราการ จนเกิดไฟไหม้และก่อให้เกิดมลพิษอย่างกว้างขวาง

"จะมีการออกกฎกระทรวงอุตสาหกรรม การกำกับดูแลของเสียอุตสาหกรรม ตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง ในระยะแรกภายใน 3 เดือน"

นายประเสริฐ กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวจะดูแลรถขนส่งขยะอุตสาหกรรม ทั้งขยะอุตสาหกรรมทั่วไป และขยะอุตสาหกรรมอันตราย ซึ่งต้องติดเครื่องส่งสัญญาณจีพีเอส เพื่อตรวจสอบเส้นทางการขนส่งขยะได้อย่างเข้มงวดจากเดิมที่จะติดตั้งเฉพาะขยะอุตสาหกรรมอันตราย จากนั้นจะนำระบบ อาร์เอฟไอดี เข้ามาใช้ จะมีการติดตั้งระบบเซ็นเซอร์ตรวจสอบที่ถังใส่ขยะอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมระหว่างเส้นทางการขนส่ง ซึ่งจะเป็นระบบที่มีความเข้มงวดสูงสุด ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรรหาเอกชนเข้ามาวางระบบ และควบคุมการดำเนินงาน

นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า หลังจากจัดการระบบการขนส่ง และการกำจัดกากอุตสาหกรรมที่เข้มงวดแล้ว จะออกกฎกระทรวงอีก 1 ฉบับ เพิ่มโทษโรงงานที่ลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม เนื่องจากกฎหมายปัจจุบันมีโทษปรับเพียง 2 แสนบาท ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนมากในปี 2535 แต่ถือว่าน้อยมากในปัจจุบัน ดังนั้นจึงเห็นว่าควรจะเพิ่มโทษปรับเป็น 1.5 ล้านบาทขึ้นไป หรือคิดเป็นการปรับตามสัดส่วนค่าเสียหายที่เกิดขึ้น และเพิ่มโทษจำคุกให้มากกว่า 2 ปี

สั่งอุตฯจังหวัดสำรวจบ่อขยะทั่วประเทศ

ด้าน นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ได้เรียกอุตสาหกรรมจังหวัด 20 จังหวัด ที่มีโรงงานอยู่หนาแน่น และผู้ประกอบการกำจัดขยะขนาดใหญ่ 4 ราย เข้ามาหารือป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม และได้สั่งการไปยังอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศสำรวจบ่อขยะชุมชนทั้งหมด ว่ามีการลักลอบทิ้งขยะอุตสาหกรรม และขยะอันตรายหรือไม่ ถ้าพบก็ต้องเร่งตรวจสอบที่มา และแก้ไขปัญหาทันที

ส่วนการแก้ไขปัญหาบ่อขยะที่ไฟไหม้ที่ จ.สมุทรปราการ ในขั้นต้นจะขุดขยะในชั้นผิว ขึ้นมากำจัดให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ซ้ำขึ้นมาอีก

เผย จนท. มีน้อย ดูแลไม่ทั่วถึง

ขณะที่ นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กล่าวว่า กรอ. จะลงไปเข้มงวดกำกับดูแลโรงงานประเภท 101 บำบัดน้ำเสีย ของเสียรวม เตาเผาขยะ โรงงานประเภท 105 คัดแยก ฝังกลบขยะ และโรงงานประเภท 106 รีไซเคิลขยะ ป้องกันไม่ให้ลักลอบทิ้งขยะ หรือมีการกำจัดขยะที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งได้สั่งการเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมทุกจังหวัดเข้มงวด ในการรับแจ้งประกอบกิจการ ลงไปตรวจโรงงานอย่างเข้มงวดว่ามีเครื่องจักร อุปกรณ์ในการกำจัดกากขยะ ว่าถูกต้องตามที่ได้ร้องขอมาในใบ รง.4 หรือไม่ เพื่อให้มีการกำจัดขยะอุตสาหกรรมอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะโรงงานประเภท 105 มีประมาณ 1,200 โรง และ โรงงานประเภท 106 มีประมาณ 400 โรง

“ปัญหาการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมนั้น เชื่อว่าไม่ได้เกิดจากการทุจริตของเจ้าหน้าที่กระทรวงฯ แต่เกิดจากเจ้าหน้าที่ดูแลในด้านนี้มีน้อยมาก"

วอนประชาชนช่วยสอดส่อง

นายณัฐพล กล่าวว่า ปัจจุบันเจ้าหน้าที่สำนักบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมมีเพียง 30 คน ส่วนเจ้าหน้าที่ประจำอุตสาหกรรมจังหวัดมีไม่เพียงพอ เห็นได้จากจังหวัดที่มีอุตสาหกรรมมากที่สุดอย่างสมุทรปราการ มีเจ้าหน้าที่เพียง 6 คน

"จะแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ผล จะต้องให้ภาคประชาชนเข้ามาช่วยเป็นหูเป็นตา โดยประชาชนที่พบความผิดปกติ หรือมีข้อมูลโรงงานลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมแจ้งมาได้ที่สายด่วนหมายเลข 1564” นายณัฐพล กล่าว

สำหรับ จำนวนขยะอุตสาหกรรมอันตรายที่มีการกำจัดอย่างถูกต้อง ที่ประเมินจากใบกำกับการขนย้าย มีจำนวน 9.6 แสนตัน จากจำนวนขยะอุตสาหกรรมอันตรายที่แจ้งไว้ทั้งหมด 2.5 ล้านตัน โดยสาเหตุที่มีขยะอันตรายเข้าระบบที่ถูกต้องน้อย มาจาก 3 สาเหตุ ได้แก่ 1.เกิดจากการแจ้งเกินจำนวนจริง เพื่อดึงดูดบริษัทกำจัดขยะให้เข้ามาขนส่งขยะ หรือคาดการณ์ผิดพลาด 2.การลักลอบทิ้งที่อื่น และ 3.เกิดจากการที่โรงงานหันมารีไซเคิลขยะของตัวเองมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนการผลิต ซึ่งเชื่อว่า หากติดตั้งระบบอาร์เอฟไอดีเสร็จ ก็จะแก้ปัญหาการลักลอบทิ้งขยะอุตสาหกรรมได้

นายกฯบุกสำรวจบ่อขยะแพรกษา

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์สำรวจบ่อขยะแพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ที่เกิดเพลิงไหม้ โดยมี พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และ นายคณิต เอี่ยมระหงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมกันสำรวจพื้นที่

จากนั้น นายกฯ ได้เดินทางโดยรถยนต์เข้าไปยังบ่อขยะแพรกษา เพื่อตรวจพื้นที่อีกครั้ง โดย นายกฯ สวมเสื้อสีขาว และสวมแจ๊คเก็ตสีขาวแขนยาวทับอีกชั้น ทั้งยังสวมหมวกแก๊ป แต่ไม่สวมหน้ากากอนามัยป้องกัน และไม่ได้นั่งรถเข็นแล้ว

ต่อมา นายกฯ ได้เดินทางไปยังกองอำนวยการสถานตากอากาศบางปู กรมพลาธิการทหารบก เพื่อประชุมแก้ไขปัญหาไฟไหม้บ่อขยะ โดยมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอีกหลายคนเข้าร่วมประชุมด้วย

เผยบ่อขนาดแพรกษา69แห่งทั่วประเทศ

นายฉัตรชัย กล่าวรายงานต่อที่ประชุมว่า ในประเทศไทยมีพื้นที่บ่อขยะ 772 จุด พื้นที่เกินกว่า 100 ไร่ มี 69 จุด

สำหรับสถานการณ์เพลิงไหม้บ่อขยะนั้น เกิดพร้อมกันถึง 6 จังหวัด เช่น สมุทรปราการ ตาก สุราษฎร์ธานี สกลนคร และ สระแก้ว ซึ่งใน 5 จังหวัด สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ใน 1 วัน ยกเว้น จ.สมุทรปราการ ที่ต้องใช้เวลา 7 วัน ความลึกของบ่อขยะมีถึง 50 เมตร ต้องอพยพประชาชน 200 ราย มีการร้องทุกข์กว่า 2 พันราย

ขณะที่ ตัวแทนจากกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ได้มีการสำรวจทั่วประเทศโดยใช้ภาพถ่ายดาวเทียม พบว่ามีพื้นที่จัดเก็บขยะ 4,000 แห่ง มีขยะเฉลี่ย 40,000 ตันต่อวัน มีการใช้พลาสติก 1 คน ต่อ 8 ใบ ซึ่งพลาสติกเป็นปัญหาในการย่อยสลาย เมื่อสำรวจแล้วมีบ่อขยะที่ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลไม่ถึง 10% ที่ผ่านมาได้มีการส่งข้อมูลต่างๆ ไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ตรวจสอบในแต่ละท้องถิ่นได้ ทั้งนี้มีแนวทางจัดการปัญหาตั้งแต่ต้นทาง คือ การแยกขยะ ซึ่งมีตัวอย่างชัดเจนว่าหากมีการแยกขยะ จะทำให้ขยะลดลงได้ถึง 60%

ส่วนการแก้ไขปัญหาพลาสติกนั้น ตัวแทนจากกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ประเทศไทยมีบริษัทพลาสติกชีวภาพ จึงขอให้รัฐบาลส่งเสริมบริษัทดังกล่าวให้มากขึ้น

นายกฯสั่งบูรณาการกฎหมาย12ฉบับ

ด้าน นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า จุดเกิดเหตุไม่ได้เกิดแค่ที่เดียว แต่ยังมีบ่อขยะอีกหลายแห่งที่ต้องดูว่ามีความเสี่ยงอย่างไร จึงอยากให้ทุกหน่วยงานที่มีกฎหมายรวมกัน 12 ฉบับ ไปหารือกันว่าทำอย่างไรจึงจะบูรณาการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาวและป้องกันการเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก พร้อมประเมินความเสี่ยงของบ่อขยะแห่งอื่นด้วย

นอกจากนั้น ยังขอให้ทุกภาคส่วนบูรณาการกฎหมาย 12 ฉบับของแต่ละหน่วยงาน โดยมีกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าฯ และท้องถิ่นเป็นแกนหลัก มีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ทำงานร่วมกัน เพื่อทำแผนลดปริมาณขยะให้สอดรับกับแผนชีวมวลระดับประเทศ โดยดูเรื่องของการบริหารจัดการขยะใหม่ อาทิ การแยกขยะ หรือขยะอุตสาหกรรม หากทำไม่ถูกต้องก็ทำให้ถูกต้อง ส่วนขยะเก่าให้ดูกลุ่มเสี่ยง ประเมินตามความสำคัญก่อน

ดีเอสไอขู่พบมีขยะพิษเป็นคดีพิเศษทันที

ด้านความคืบหน้าทางคดี พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ดีเอสไอได้เชิญผู้เกี่ยวข้องบางส่วนมาสอบสวน สิ่งที่รอตอนนี้คือการตรวจสอบทางเทคนิคจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดูว่าขยะที่พบในบ่อขยะแห่งนี้คือขยะอะไรบ้าง และเคยมีการลักลอบทิ้งสารพิษด้วยหรือไม่

ส่วนที่สภาทนายความรับเรื่องดำเนินการฟ้องร้องให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบนั้น หากมีข้อมูลที่ต้องการนำไปประกอบสำนวนการฟ้อง ทาง ดีเอสไอ พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

"จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องใบอนุญาตในการจัดการขยะ พบว่าทางเจ้าของกิจการบ่อขยะได้รับการอนุญาตอย่างถูกต้อง แต่เมื่อได้รับอนุญาตแล้วกลับมีเรื่องร้องเรียนว่าไม่ทำตามข้อกำหนดต่างๆ ที่ทาง อบต.แพรกษา ออกกฎเกณฑ์ไว้ เมื่อแจ้งไปยังเจ้าของกิจการก็มีความพยายามที่จะแก้ไขปรับปรุง แต่ยังมีปัญหาตลอด และดีเอสไอเคยได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวบ่อขยะแห่งนี้" พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ กล่าว และว่ากำลังดูหลักฐานทั้งหมดว่าเข้าองค์ประกอบคดีพิเศษหรือไม่ หากมีการตรวจสอบพบว่ามีการลักลอบทิ้งขยะที่เป็นอันตรายจริง ดีเอสไอจะรับเข้าเป็นคดีพิเศษต่อไป

พบบ่อขยะตกมาตรฐาน 2 พันแห่ง

พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ กล่าวด้วยว่า ได้รับข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษว่า ยังมีบ่อขยะที่ไม่ได้มาตรฐานตาม พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 อยู่ถึง 2,046 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมได้ ฉะนั้นเมื่อดำเนินการกับบ่อขยะแพรกษาเรียบร้อยแล้ว จะมีการลงตรวจสอบบ่อขยะที่สุ่มเสี่ยงทั้งหมด หากพบว่าไม่เข้ามาตรฐาน ก็จะสั่งปิดทันที

มีรายงานด้วยว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ นางบุญไทย ตั้งเด่นชัย เจ้าของที่ดินที่ให้เช่าทำบ่อขยะแพรกษา ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.บางปู จ.สมุทรปราการ โดยมี พ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผกก.สภ.บางปู ทำการสอบสวนด้วยตนเอง แต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพหรือรายงานข่าว