6บจ.แห่ออกหุ้นกู้ผลตอบแทนสูง4-6%

สำรวจพบเดือนก.พ.นี้มี 6 บจ.ใหญ่ พร้อมใจระดมทุนเสนอขายหุ้น มูลค่ารวม 2.52 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋วเฉลี่ย 4-6%
บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา ซึ่งทำธุรกิจศูนย์การค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย รายงานว่า บริษัทได้ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่าบริษัทออกหุ้นกู้อายุ 3 ปี มูลค่าไม่เกิน 1.5 พันล้านบาท กำหนดอัตรา ดอกเบี้ยที่ 3.66% โดยจะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ระหว่างวันที่ 17-18 ก.พ.นี้ โดยมีธนาคารยูโอบีเป็นผู้จัดการจัดจำหน่ายหุ้นกู้
ขณะที่ ทริสเรทติ้ง จัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ ไว้ที่ระดับ A+ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ ไปใช้ขยายการลงทุน และ เป็นเงินทุนหมุนเวียน หรือชำระคืนเงินกู้เดิมพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุ 3 ปี วันนี้ มีอัตราผลตอบแทนที่ 2.90% ขณะที่หุ้นกู้อายุไม่เกิน 3 ปี อันดับความน่าเชื่อถือระดับ A ซื้อขายในตลาดรองโดยบวกส่วนต่างพันธบัตรรัฐบาลอีก 0.81%
ด้านบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ผู้พัฒนาโครงการคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า ได้ยื่นข้อมูลกับ สำนักงาน ก.ล.ต. จะเสนอขายหุ้นกู้อายุ 3 ปี มูลค่า 500 ล้านบาท ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.01% เสนอขายแก่ผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ มี ธนาคารกสิกรไทย และ ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นผู้จัดการการจำหน่าย
หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก บริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์(ประเทศไทย) ที่ระดับ A- ทั้งนี้บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ ไปใช้ชำระคืนหนี้เดิม และเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับพัฒนาโครงการในปัจจุบันและโครงการใหม่ รวมถึง รองรับการขยายธุรกิจของบริษัท
พันธบัตรรัฐบาลไทย อายุ 3 ปี วันนี้ มีอัตราผลตอบแทนที่ 2.90% ขณะที่หุ้นกู้อายุไม่เกิน 3 ปี อันดับความน่าเชื่อถือระดับ A ซื้อขายในตลาดรองโดยบวกส่วนต่างพันธบัตรรัฐบาลอีก 0.81%
ขณะที่บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ระบุว่าได้ จัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิชุดใหม่ ของบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย (SCC) มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท ที่ระดับ A แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1 โดยหุ้นกู้ดังกล่าว ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2561 เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้จะนำไปใช้สำหรับชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดและใช้สำหรับการลงทุนในอนาคต
บริษัท การบินไทย (THAI) แจ้งว่า วานนี้ (7 ก.พ.) บริษัทเสนอขายหุ้นกู้ มูลค่า 3.2 พันล้านบาท แบ่งออกเป็น 3 ชุด ได้แก่ ชุดที่ 1 อายุ 5 ปี ครบไถ่ถอนปี 2562 มูลค่า 1.2 พันล้านบาท กำหนดดอกเบี้ย 4.71% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 7 ปี ครบไถ่ถอนปี 2564 มูลค่า 1 พันล้านบาท ดอกเบี้ยคงที่ 5.14% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 10 ปี ครบไถ่ถอนปี 2567 มูลค่า 1 พันล้านบาทดอกเบี้ยคงที่ 5.58% ต่อปี เสนอขายนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ จองซื้อวันที่ 5-6 ก.พ. 57 ผ่านธนาคารกสิกรไทยซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ อันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกหุ้นกู้ที่ระดับ A+ แนวโน้มอันดับเครดิต Negative โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2557
บริษัท ปริญสิริ (PRIN) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลเสนอขายหุ้นกู้ มูลค่าไม่เกิน 450 ล้านบาท อายุ 3 ปี ครบไถ่ถอนปี 2560 กำหนดดอกเบี้ย 6% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ เสนอขายผู้ลงทุนสถาบันและรายใหญ่ ระหว่างวันที่ 10-12 ก.พ.นี้ ผ่านบล.เอเชียพลัส และธนาคารซีไอเอ็มบีไทย อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทอยู่ที่ BBB- แนวโน้มอันดับเครดิต Stable โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 56 วัตถุประสงค์ เพื่อนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ ในการดำเนินงานของบริษัท
บริษัท ช.การช่างหรือ CK ได้ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต.ขายหุ้นกู้อายุ 4 ปี มูลค่าไม่เกิน 2 พันล้านบาท และอายุ 5 ปี 9 เดือน มูลค่าไม่เกิน 1 พันล้านบาท รวมมูลค่าหุ้นกู้ทั้งหมด ไม่เกิน 3 พันล้านบาท กำหนดอัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได ที่ 4.70-5.00% หุ้นกู้ดังกล่าวจะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไปและสถาบัน ที่เป็นผู้ถือหุ้นกู้ชุด CK142Aระหว่างวันที่ 10-12 ก.พ.นี้ และจะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไปและ ผู้ลงทุนสถาบัน เป็นการทั่วไป ในวันที่ 17-20 ก.พ.
ทั้งนี้ หุ้นกู้อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยใน 2 ปีแรก ที่ 4.70% และ 2 ปีที่เหลือ ที่ 4.90% หรือเฉลี่ย 4.80% ต่อปี ส่วนหุ้นกู้อายุ 5 ปี 9 เดือน กำหนดดอกเบี้ย 3 ปีแรกที่ 4.80% และปีที่เหลืออยู่ที่ 5.00% หรือเฉลี่ย 4.89% ต่อปี โดยมี ธนาคารกรุงไทย เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้ และ บล.เอเซีย พลัส เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่าย
บริษัทจะนำเงินที่ได้ ไปใช้ชำระคืนหนี้หุ้นกู้บางส่วน และ/หรือใช้รองรับ การขยายธุรกิจของบริษัท
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่มีประกัน "บ. ช. การช่าง" ที่ระดับ "BBB+" จัดอันดับหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาทที่ระดับ "BBB+" และเปลี่ยนแนวโน้มเป็น "Positive" จาก "Stable"







