'โออิชิ' โชว์ของดีนามว่า 'คุณภาพ'

เป็นแผนของโออิชิ ในปี 2557 ที่จะเริ่มสื่อสารให้ผู้บริโภคชาวไทยได้เห็นแง่มุมของ "คุณภาพ" ในวงเล็บว่า อย่างไรเสียก็คงไม่อาจวางมือจากการสู้รบในเกมสงคราม "ราคา" ลงได้

คงต้องขอหยิบยกคำพูดซึ่งเป็นวรรคทองของ "ม.จ.สิทธิพร กฤดากร" บิดาแห่งการเกษตรแผนใหม่ ที่ว่า "เงินทองของมายา ข้าวปลาสิของจริง"

ที่สุดแล้ว คงไม่ใช่ "ราคา" แต่ "คุณภาพ" ต่างหาก ที่เป็นโจทย์แห่งความยั่งยืนในทุกๆ ธุรกิจ

และเมื่อเร็วๆ นี้ โออีชิ ได้เปิดโรงงานผลิตและบรรจุชาเขียวพร้อมดื่มโออิชิ กรีนที ที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร เพื่อไขความลับและเผยถึงที่มาของคำว่า คุณภาพให้ "กรุงเทพธุรกิจ" ได้เยี่ยมชม

โดยมี "อนิรุทธิ์ มหธร" รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม และ "ธานี พรพิสุทธิ์ศักดิ์" ผู้จัดการโรงงานทั่วไป บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่เป็นไกด์นำทาง

โออิชิ นั้นได้ทุ่มงบประมาณถึง 1,400 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานแห่งนี้ และเมื่อมีโอกาสมาได้เห็นด้วยตาก็สามารถสัมผัสได้ถึงความทันสมัยล้ำหน้า

คุณภาพของสินค้า เกิดขึ้นจากการลงทุน นี่คือประเด็นแรกที่เป็นข้อสรุปคำว่าคุณภาพของโออิชิ

"มาตรฐานของวัตถุดิบ โรงงาน รวมถึงกระบวนการผลิตและการตรวจสอบคุณภาพ ของเราอยู่ในระดับโลก" ผู้บริหารโออิชิทั้งสองท่านบอกให้ฟังอย่างภาคภูมิใจ

แน่นอนนี่คือกุญแจ 3 ดอกที่ช่วยนำไปสู่การผลิตสินค้าที่ดีมีคุณภาพของโออิชิ

อันดับแรก ด้านการคัดสรรต้องเป็นวัตถุดิบชั้นเยี่ยม ซึ่งเป็นยอดอ่อนใบชาเขียว 3 ใบ และปลูกแบบปลอดสารเคมี 100 % การันตีด้วยรางวัล "World Green Tea Contest"และ "Japan CF Award"จากประเทศญี่ปุ่น

ด้านโรงงานผลิต ได้ใช้เทคโนโลยีการผลิตและบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อ ที่เรียกว่า Cold Aseptic Filling จากประเทศญี่ปุ่นอีกเช่นกัน ซึ่งจะคงคุณค่าความสด กลิ่น และรสชาติของชาไว้ได้ อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ ยังใช้เทคโนโลยี Double Clean Room และ Dry Filling Process สามารถสร้างมาตรฐานความสะอาดและสุขอนามัยระดับเวิลด์คลาสเทียบเท่าห้องปฏิบัติการในโรงพยาบาล รวมถึงไปถึงการที่ไม่ใช้น้ำในการฆ่าเชื้อบรรจุภัณฑ์ แต่ใช้ไอน้ำและไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ในการฆ่าเชื้อ จึงทำให้ไม่มีสารเคมีตกค้างรวมถึงน้ำเสียจากกระบวนการผลิต กระทั่งได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (USFDA)

ในส่วนของบรรจุภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็นกล่องยูเอชทีหรือ แบบขวดพีอีทีทีใช้พลาสติกน้อยและมีน้ำหนักเบาขึ้น ก็ล้วนช่วยประหยัดเชื้อเพลิงในการขนส่ง และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแทบทั้งสิ้น

ขณะที่กระบวนการผลิตและตรวจสอบคุณภาพ ในทุกขั้นตอนของโรงงานโออิชินั้นผ่านการควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ดังนั้น ด้วยสายตาเปล่าของผู้เข้าเยี่ยมชมจึงมองไม่เห็นว่ามีพนักงานรายใดที่ต้องเดินเข้าใกล้ อุปกรณ์เครื่องจักรแม้เพียงนิด ตรงกันข้ามพวกเขาทำงานอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในห้องแอร์เย็นสบาย

ทั้งยังได้รับมาตรฐานการผลิตไม่ว่าจะเป็น ISO9001 ISO14001 ISO22000 และ GMP&HACCP

การตรวจสอบคุณภาพของโรงงานแห่งนี้เกิดขึ้นอย่างเข้มงวดในทุกขั้นตอนการผลิต เริ่มจากตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานของใบชาที่จะนำมาต้ม และการต้มจะทำเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพื่อรักษาคุณภาพรสชาติของ ชาที่ดีที่สุด เป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกขวดและในทุกๆ กล่อง

ก่อนจะบรรจุยังต้องผ่านการทดสอบของทางห้องปฏิบัติการวิจัยและทดสอบคุณภาพซึ่งผ่านการทดสอบความชำนาญว่าเทียบเท่าหน่วยงานมาตรฐานทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เช่น สถาบันอาหาร กรมวิทยา ศาสตร์การแพทย์ และ Laboratory of the Government Chemist ประเทศอังกฤษ เป็นต้น พร้อมกันนี้ในการลำเลียงสินค้าก็ได้ใช้เครื่องจักรและหุ่นยนต์เกรดเอที่ผลิตขึ้นในประเทศอิตาลี ทำให้สามารถขนถ่ายสินค้าและจัดเรียงได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดเวลา ประหยัดพลังงาน

อย่างไรก็ตาม เครื่องจักร หุ่นยนต์ก็คงไม่สามารถเดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยปราศจากคน

ประเด็นสำคัญอันนำมาซึ่งคุณภาพของโออิชิ ต้องสรุปว่าเกิดมาจากพนักงานทุกคนที่ทำหน้าที่กันอย่างแข็งขันในฟังก์ชันงานที่รับผิดชอบ

แต่ในแง่ของความเป็นโรงงานผลิตแล้ว พนักงานตรวจสอบคุณภาพ (Quality Control : QC ) อาจมีความโดดเด่นและฉายแสงเป็นลำดับต้นๆ และ..เชื่อหรือไม่ว่า โออิชินั้นมีจำนวน พนักงาน QC กว่า 20 คนเลยทีเดียว

ก็เพื่อให้มั่นใจได้ว่า สินค้าที่ผลิตออกมาต้องได้มาตรฐานมีคุณภาพอย่างแท้จริง

อนิรุทธิ์ มหธร ทิ้งท้ายว่าในปีนี้โออิชิจะนำ "ที่สุดของสินค้าคุณภาพ" มาผนวกในกลยุทธ์ CRADLE THE GRAVE

กลยุทธ์ดังกล่าวอาจฟังแล้วรู้สึกคุ้นๆ เพราะเมื่อคิดย้อนไกลเป็นสิบปีนั้นมีหนังฝรั่งบู๊ล้างผลาญชื่อเดียวกันนี้ และถูกตั้งเป็นชื่อภาษาไทยว่า "คู่อริ ถล่มยกเมือง"

ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ก็อาจมองได้ว่าโออิชิคงหวังให้ "คุณภาพ" กลายเป็นหมัดเด็ด "น็อค" คู่แข่งขัน เพื่อนั่งแท่นเบอร์หนึ่ง..ชนิดหมดเสี้ยนหนามในใจ