'โชคชัย'วาง3กลยุทธ์ปั้นกำไรทีจี-ไทยสมายล์

'โชคชัย'วาง3กลยุทธ์ปั้นกำไรทีจี-ไทยสมายล์

"โชคชัย ปัญญายงค์"วาง 3 กลยุทธ์ สร้างกำไร "การบินไทย-ไทยสมายล์"

นายโชคชัย ปัญญายงค์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ "กรุงเทพธุรกิจ" ถึงแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 ปีนี้ว่า จะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนแน่นอน หลังจากการบินไทยปรับกลยุทธ์การตลาดและปรับโครงสร้างฝ่ายขายใหม่ โดยเน้นการให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศและบริการภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มขึ้น จากเดิมผู้โดยสารต่างจังหวัดจะนิยมใช้บริการที่ท่าอากาศยานดอนเมืองมากกว่า และการบินไทยจะสื่อสารถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รวมทั้งระบบอินเทอร์เน็ตเช็คอิน ซึ่งจะช่วยให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

"ปริมาณผู้โดยสารเส้นทางบินภายในประเทศของการบินไทยอยู่ในระดับคงที่ หลังจากปีก่อนปรับลดจำนวนที่นั่งลง 15-16% จากการใช้เครื่องบินขนาดเล็กลง โดยให้ไทยสมายล์ให้บริการเพิ่มขึ้น ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากเส้นทางบินภายในประเทศอยู่ที่ 10% ของรายได้รวม"

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2557 ไทยสมายล์จะแยกบัญชีรายรับรายจ่ายออกจากการบินไทย ส่งผลให้การบินไทยและไทยสมายล์จะมีกำไรเพิ่มขึ้นทันทีในปี 2557 โดยการบินไทยจะมีกำไรประมาณ 2% ของรายได้ สูงกว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมการบินที่มีอัตรากำไรเฉลี่ย 1.5% ขณะที่ไทยสมายล์จะมีกำไรประมาณ 7-14% ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับสายการบินต้นทุนต่ำทั่วไป

สำหรับแผนกลยุทธ์ใหม่ของการบินไทย ประกอบด้วย 3 เรื่องหลัก คือ 1.ลูกค้า โดยต้องสร้างความพึงพอใจและความผูกพันโดยเฉพาะลูกค้าชาวไทยซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 30% หรือเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่สุด ส่วนที่เหลือ 70% เป็นลูกค้าต่างชาติที่มาจาก 40-50 เส้นทางการบิน ขณะที่คนไทยถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ มีอัตราการท่องเที่ยวต่างประเทศค่อนข้างสูง โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น โดยติด 1 ใน 5 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าญี่ปุ่นสูงสุด

ทั้งนี้ การบินไทยจะเร่งปรับปรุงบริการในทุกด้าน เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับความพึงพอใจสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการทางดิจิทัล การเพิ่มจุดจำหน่ายตั๋วโดยสาร การปรับปรุงห้องรับรองผู้โดยสารภายในท่าอากาศยานอุดรธานีและอุบลราชธานี รวมทั้งการแยกรอยัล ออร์คิด ฮอลิเดย์ หรือทัวร์เอื้องหลวง เป็นหน่วยธุรกิจ เพื่อให้สามารถจัดโปรแกรมทัวร์ที่ตอบสนองลูกค้าได้มากขึ้น และในเร็วๆนี้จะร่วมกับนักมวยไทยชื่อดังคือ บัวขาว บัญชาเมฆ ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยในญี่ปุ่นด้วย

2.ความยั่งยืนมั่นคง โดยต้องตอบสนองความต้องการของผู้ถือหุ้น ประชาชน และรัฐบาล เพราะการบินไทยเป็นสายการบินแห่งชาติ ไม่ได้มุ่งทำกำไรเพียงอย่างเดียว และ3.การแยกบริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด ซึ่งจะส่งผลให้การบินไทยมีสายการบินรองรับความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมตลาดมากขึ้น โดยการบินไทยจะเป็นผู้กำหนดเส้นทางบิน เพื่อให้เกิดจุดแข็งในการจัดเส้นทาง ขณะที่ผู้โดยสารจะมีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าหลังการปรับปรุงต่างๆ จะส่งผลให้ผู้โดยสารเลือกเดินทางโดยการบินไทยในทุกรูปแบบ เพราะมีถึง 3 สายการบินที่ให้บริการร่วมกัน โดยการบินไทยจะมีบริการที่ดีขึ้น ตั้งแต่เดือนต.ค.นี้ จะมีบริการรถเข็นสำหรับผู้สูงอายุ โดยที่ผู้โดยสารไม่ต้องร้องขอ แสดงถึงความใส่ใจในการบริการ ขณะที่ไทยสมายล์จะให้บริการผู้โดยสารอีกกลุ่มหนึ่งที่จะมีเส้นทางบินใหม่ๆเพิ่มขึ้น เช่น ฉางชา และฉงชิ่ง ซึ่งได้รับการตอบสนองดีมาก ยอดจองตั๋วล่วงหน้าเกินกว่า 80% ส่วนนกแอร์จะมีเส้นทางที่สอดคล้องกัน

"การบินไทยและไทยสมายล์จะไม่แย่งเส้นทางบินกันแน่นอน แต่จะแบ่งแยกเส้นทางกันชัดเจน เส้นทางที่การบินไทยขาดทุนจะให้ไทยสมายล์บินแทน เพราะมีต้นทุนต่ำกว่า ใช้เครื่องบินขนาดเล็กกว่า ขณะที่การบินไทยสามารถนำเครื่องบินในเส้นทางที่ขาดทุนไปให้บริการในเส้นทางอื่นที่มีกำไร ทำให้ทั้งสองสายการบินมีกำไร"

ส่วนการกำหนดราคาตั๋วโดยสาร จะต้องกำหนดให้เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา เช่น ช่วงฤดูการท่องเที่ยวจะต้องจัดเพิ่มเที่ยวบินและราคาที่ตอบสนองความต้องการของผู้โดยสาร ขณะที่ช่วงนอกฤดูการท่องเที่ยวก็ต้องปรับลดเที่ยวบิน และปรับลดราคาตั๋วเพื่อกระตุ้นปริมาณผู้โดยสาร ซึ่งการกำหนดราคาและเที่ยวบินต้องรวดเร็ว

สำหรับปัญหาของการบินไทยในปัจจุบัน คือ การเพิ่มเส้นทางบินไปต่างประเทศมีข้อจำกัดเรื่องสิทธิการบิน ซึ่งประเทศไทยค่อนข้างเปิดกว้างให้สายการบินต่างประเทศเข้ามาทำการบินอย่างเสรี แต่ในทางตรงข้ามสายการบินไทยจะขอเพิ่มเที่ยวบินไปยังต่างประเทศค่อนข้างลำบาก ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางอินโดนีเซีย เกาหลีใต้