ผูกใจลูกน้องด้วย 'พระเดช' สูตรซีอีโอ'เนอวานา'

ผูกใจลูกน้องด้วย 'พระเดช'
สูตรซีอีโอ'เนอวานา'

จะทำอะไรก็ตาม เราควรทำในสิ่งที่ถนัดที่สุด เราต้องเป็นในสิ่งที่เราเป็นได้ดี และการเป็นนักลงทุนจำเป็นต้องมีเงินทุน

คงเคยได้ยินคำกล่าวว่าผู้นำที่ดีต้องมีทั้ง "พระเดช"และ"พระคุณ" คำถามก็คือ ในความเป็นจริงคงเป็นได้เพียงอุดมการณ์หรือไม่ ?


ผู้นำแต่ละคนก็สไตล์บริหารคนที่ต่างกันไปและสำหรับ "ศรศักดิ์ สมวัฒนา" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด แล้ว การเคี่ยวเข็ญพนักงานให้หนักๆ คือแนวทางที่เขาคิดว่าดีแล้ว เหมาะสมแล้ว


"ผู้บริหารโดยทั่วๆ ไป มักจะบอกว่า ต้องพยายามตามใจ เอาอกเอาใจลูกน้อง เพื่อให้พวกเขารักบริษัท ช่วยทำให้พวกเขาตั้งใจทำงานเพื่อบริษัท แต่จริงๆ แล้วผมว่ามันกลับกัน ตัวผู้บริหารจำเป็นต้องเคี่ยวเข็ญพวกเขาทำงานและสร้างผลงานได้ดีที่สุด จะทำให้พวกเขารักบริษัท เนื่องจากเราได้มอบโอกาสการทำงาน มอบโอกาสให้พวกเขาได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และช่วยสร้างความรู้สึกที่ดีๆ กับตัวพวกเขาเอง "


เขาบอกว่าเพราะเนอวานา เป็นบริษัทที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Oriented) หมายถึงทุกๆ โครงการบ้านของเนอวานาจะต้องตอบโจทย์และโดนใจลูกค้า เรียกว่าไม่ว่าจะเป็นโครงการไหนก็ขายได้เกลี้ยงไม่มีเหลือค้าง


ทางเดียวที่จะบรรลุเป้าหมายก็คือ ต้องทำให้พนักงานรักบริษัทและพร้อมทำงานให้แบบสุดพลัง


และอย่างที่กล่าวไว้ เครื่องมือของผู้นำองค์กรแห่งนี้ก็คือ "พระเดช" ทว่าในที่นี้ไม่ได้หมายถึง พนักงานต้องก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่งอย่างเดียว โดยไม่กล้าหืออือ ไม่กล้าโต้แย้ง


เพราะศรศักดิ์ก็ไม่ใช่ "ผู้นำจอมเผด็จการ" แต่ที่ชอบที่จะเคี่ยวเข็ญ ชอบที่จะสั่งให้ทำ คงเข้าทำนองกับสำนวนที่ว่า "รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี"มากกว่า


ปัจจุบันอายุเฉลี่ยของพนักงานเนอวานาอยู่ที่ 28-30 ปี เท่านั้น แถมก็ไม่ดื้อไม่ซน และไม่ค่อยมีการลาออก ทั้งนี้อาจเป็นบทพิสูจน์ได้ว่าพวกเขาชื่นชอบกับแนวทางบริหารดังกล่าว


"ปกติผมลงไปทำงานใกล้ชิดกับลูกน้อง ทำงานด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน เพื่อไม่ให้มีกำแพงระหว่างกัน การไปทำงานกับพวกเขาก็จะทำให้เราเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน และตัวผมเองก็จะใช้โอกาสในการสอนงานพวกเขา"


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซีอีโอท่านนี้บอกว่าตัวเขาเป็นพวกมีพลังเหลือเฟือ มีความกระฉับกระเฉงและมีไฟในการทำงานที่ร้อนแรง


ดังนั้น การลงไปทำงานคลุกคลีใกล้ชิด ก็จะเป็นโรลโมเดลที่ทำให้พนักงานได้มองเห็น เรียนรู้และซึมซับโดยไม่ต้องสอน โดยไม่รู้ตัว


นั่นเป็นเพราะกว่าก้าวขึ้นตำแหน่งผู้นำในทุกวันนี้ บนเส้นทางที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวของเขาเองก็ต้องอาศัยวิธี "ครูพักลักจำ"


เขาเคยผ่านประสบการณ์การทำงานบริษัทชั้นนำมากมาย ทั้งบริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ในตำแหน่ง Finance Control Officer การทำงานที่บริษัท เงินทุนหลักทรัพย์ ซิทก้า จำกัด (มหาชน) ในตำแหน่ง Security Analyst ธนาคารกรุงเทพ กับหน้าที่ Special Asset Management และงานด้าน Marketing Manager for Real Estate Lending ที่ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)


เรียกได้ว่าช่วงเวลาดังกล่าว เขาก็คือเต็งหนึ่งในงานด้านไฟแนนซ์ โดยเฉพาะการวิเคราะห์หลักทรัพย์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เลยทีเดียว


แต่ที่มีความหมายมากๆ ก็คือ การเรียนรู้จากการ "ล้ม" ของผู้เป็นพ่อ


"ผมเรียนรู้จากการล้มของพ่อ ที่เป็นคนธรรมดา ความรู้น้อย ทำธุรกิจจึงล้มๆ ลุกๆ มาเรื่อย แต่ทุกครั้งเมื่อล้มก็สามารถลุกขึ้นมาได้"


กลายเป็นว่า ทำให้เขาชื่นชอบที่จะศึกษาถึงความล้มเหลวของนักธุรกิจ มากกว่าความสำเร็จด้วยซ้ำไป


"หลายๆ คน ชอบอ่านประวัติชอบศึกษาถึงความสำเร็จของนักธุรกิจ แต่พวกเขาลืมไปว่า กว่าที่นักธุรกิจเหล่านั้นจะประสบความสำเร็จขึ้นมาได้ พวกเขาต้องประสบกับความล้มเหลวมาหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งผมคิดว่าสิ่งที่ควรต้องศึกษาก็คือ เพราะอะไรพวกเขาจึงล้มเหลว และที่สุดแล้วพวกเขาแก้ไขจนลุกขึ้นใหม่ได้อย่างไร"


จึงเกิดกลายเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เขากล้าสลัดความเป็น "มนุษย์เงินเดือน" แถมยังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงมาสวมวิญญานของ "ผู้ประกอบการ" เมื่อมีอายุเพียง 29 ปี เท่านั้น


อย่างไรก็ดี แม้จะรู้ดีว่าธุรกิจล้มแล้วก็ลุกได้ แต่การจะทำเพราะมองว่าใครๆ ก็ทำ หรือทำโดยไม่มีเงินทุนเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียวก็คงเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลเท่าที่ควร


"จะทำอะไรก็ตาม เราควรทำในสิ่งที่เราถนัดที่สุด เราต้องเป็นในสิ่งที่เราเป็นได้ดี และการเป็นนักลงทุนจำเป็นต้องมีเงินทุน"


ศรศักดิ์จึงกลายเป็นผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และในวันนี้เนอวานามีโครงการที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว 19 โครงการ และกำลังสร้างอีก 11 โครงการ มีทุนจดทะเบียน 700 ล้านบาท และมียอดขายมากกว่า 1,000 ล้านบาท


เขากล่าวว่า เกือบสิบปีที่ดำเนินธุรกิจมาสิ่งที่ได้ค้นพบก็คือ ในความเป็นจริงแล้วการทำธุรกิจเป็นหลักสูตรที่ยาว เป็นอะไรที่ต้องเรียนรู้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด


เคล็ดลับในของเขาก็คือ การทำธุรกิจต้องทำตามกำลังเท่าที่มีอยู่ และต้องรู้จังหวะ ความพร้อมให้แม่นยำ
รวมถึงในการทำธุรกิจควรกำหนดเป้าหมายวันต่อวัน และจะต้องทำทุกวันให้ดีที่สุด