ผนึก25บริษัทปุ๋ยขายผ่านบัตรเคดิตให้เกษตร

ธ.ก.ส.ผนึก 25 บริษัทปุ๋ย จัดโครงการปุ๋ยคุณภาพดีราคายุติธรรม กว่า 4 แสนตัน จำหน่ายผ่านบัตรสินเชื่อเกษตรกร หวังช่วยลดต้นทุนให้กับเกษตรกร
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส. ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อสนับสนุนโครงการจัดหาปุ๋ยเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรตามนโยบายรัฐบาล กับทางสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดสหกรณ์ลูกค้า ธ.ก.ส. (สกต.) บริษัท ไทยธุรกิจการเกษตร และบริษัทผู้แทนจำหน่ายปุ๋ยรวม 25 บริษัท เพื่อเป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิตที่สำคัญของเกษตรกร รวมถึงบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาราคาปุ๋ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกๆ ปี โดยเป็นการจัดทำโครงการจัดหาปุ๋ยตามนโยบายรัฐบาล จำนวน 4 แสนตัน เป็นปุ๋ยที่มีคุณภาพมาตรฐานราคายุติธรรม มาจำหน่ายให้แก่เกษตรกรผู้ถือบัตรสินเชื่อเกษตรกร ซึ่งการดำเนินโครงการดังกล่าว จะสามารถช่วยลดต้นทุนในรูปของการชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เกษตรกรผู้ใช้บัตรเป็นระยะเวลา 4 เดือน คิดเป็นมูลค่าที่เกษตรกรจะได้รับประโยชน์ 2.33% ของมูลค่าปุ๋ย หรือประมาณ 350 บาทต่อตัน
นอกจากนั้น ยังตั้งเป้าว่าภายในเดือน ก.ย.นี้ จำนวนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการบัตรเครดิตเกษตรกรจะต้องครบ 1 หมื่นร้านค้าทั่วประเทศ และบัตรเครดิตจะต้องอยู่ในมือเกษตรกรไม่น้อยกว่า 4 ล้านใบ ส่วนสิทธิประโยชน์พื้นฐาน ปัจจัยการผลิตต่างๆ จะต้องครบ โดยขณะนี้ได้เพิ่มสิ่งอุปโภคบริโภค คือ ข้าวสาร เข้าในโครงการฯ แล้ว
นายลักษณ์ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้มอบหมายให้ ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกรในการซื้อปัจจัยการผลิต โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.55 ซึ่งผลการดำเนินงาน ณ ปัจจุบันธ.ก.ส. ได้อนุมัติบัตรสินเชื่อให้เกษตรกรแล้ว จำนวน 2.66 ล้านบัตร โดยเกษตรกรได้ใช้บัตรสินเชื่อซื้อปัจจัยการผลิตแล้วคิดเป็นมูลค่ารวม 4,879ล้านบาท ซึ่งจากการสำรวจข้อมูลพบว่า เกษตรกรใช้บัตรสินเชื่อซื้อปุ๋ย คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 75% ของมูลค่าปัจจัยการผลิตที่จัดซื้อผ่านระบบบัตรสินเชื่อเกษตรกรทั้งหมด
สำหรับโครงการจัดหาปุ๋ยเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรมีเป้าหมายดำเนินการผ่าน สกต.ทั้ง 77 แห่ง ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยในปี 56 จะจัดหาปุ๋ยเคมีตราลูกโลกเกลียวเชือกและตราบริษัท ประเภทปุ๋ยผสม(Compound Fertilizer)เพื่อใช้กับทุกพืชและปุ๋ยเคมีผสมแบบคลุกเคล้า (Bulk Blending) เฉพาะที่ใช้กับยางพารา ปาล์มน้ำมัน และสับปะรด ตามความต้องการของเกษตรกร จำนวน 4 แสนตัน และจะเพิ่มเป็น 1 ล้านตัน ภายใน 5 ปี หรือประมาณร้อยละ 20 ของปริมาณปุ๋ยทั้งหมดที่ใช้ในประเทศประมาณ 5 ล้านตัน ซึ่งเกษตรกรสามารถสั่งซื้อปุ๋ยและชำระค่าปุ๋ยโดยใช้บัตรสินเชื่อเกษตรกร ได้ที่ สกต. หรือตัวแทนของ สกต. ทุกจังหวัด รวมทั้งร้านค้าเครือข่ายชุมชนที่เข้ามาร่วมโครางการ
"ธนาคารได้ลงนามความร่วมมือกับกรมวิชาการเกษตรในการดูแลคุณภาพปุ๋ยและการพัฒนาร้านค้าในโครงการบัตรสินเชื่อให้ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน Q-Shop พร้อมทั้งมีการตรวจสอบคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เกษตรกรจึงมั่นใจได้ว่าจะได้ใช้ปุ๋ยที่มีคุณภาพในราคายุติธรรมหรือเทียบเท่าราคาตลาดทั้งยังได้รับความสะดวกในการรับปุ๋ยที่สั่งซื้อ เนื่องจาก สกต.จะขนส่งปุ๋ยจากผู้ผลิตถึงชุมชนโดยตรง และเกษตรกรยังได้รับการลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้จากบัตรสินเชื่อเป็นระยะเวลา 4 เดือน รวมเวลาปลอดดอกเบี้ยบัตร อีก 1 เดือน รวมเป็น 5 เดือน นอกจากนี้ในส่วนของชุมชนจะพัฒนาเป็นจุดรวบรวม รับ-จ่าย ปัจจัยการผลิตผ่านระบบบัตร และพัฒนาเป็นร้านค้าเครือข่ายของ สกต. สหกรณ์การเกษตร ที่เข้าร่วมโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกร ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้มแข็งของชุมชนในอนาคต"นายลักษณ์ กล่าว







