ควบรวม"แทปไลน์-เอฟพีที"ลงทุนท่อส่งน้ำมัน

พลังงานควบรวม"แทปไลน์-เอฟพีที" หลังผู้ถือหุ้นเห็นชอบ พร้อมเดินหน้าลงทุนท่อส่งน้ำมันอีสาน - เหนือ 1.5 หมื่นล้านบาท
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ได้หารือกับผู้ประกอบการท่อขนส่งน้ำมัน และผู้ถือหุ้นของทั้ง 2 บริษัท ได้แก่ บริษัทท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด ( แทปไลน์) และ บริษัทขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (เอฟพีที) ในส่วนของแทปไลน์ มีผู้ถือหุ้นทั้ง บริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) เชฟรอน เอสโซ่ เชลล์ ส่วนเอฟพีที ผู้ถือหุ้นหลัก คือ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทบริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) การรถไฟแห่งประเทศไทย และบริษัทน้ำมันต่างๆ
โดยผู้ประกอบการทุกรายต่างเห็นด้วยกับนโยบายที่จะขยายแนวท่อส่งน้ำมันไปยังคลังน้ำมันทั่วประเทศ เพื่อให้ราคาน้ำมันหน้าคลังฯทุกแห่งมีราคาเดียวกัน สร้างความเท่าเทียม ช่วยลดต้นทุนราคาน้ำมันแก่ประชาชนในต่างจังหวัดประมาณ 30-40 สตางค์ต่อลิตร และรองรับการค้าน้ำมันหลังเปิดประชาคมอาเซียน หรือเออีซีในปลายปี 2558
สำหรับแนวทางการลงทุน เบื้องต้นให้ บริษัท เอฟพีที และแทปไลน์ หารือในการควบรวมบริษัทเป็นบริษัทเดียวกัน และวางแผนการลงทุนขยายท่อขนส่งน้ำมันไปจังหวัดที่ห่างไกลขยายต่อจากท่อน้ำมันของแทปไลน์ที่ สระบุรี โดยในสายตะวันออกเฉียงเหนือจะไปที่จ.นครราชสีมา และสิ้นสุดที่จ.ขอนแก่น ส่วนเส้นทางสายเหนือ จะต่อท่อจากจ.สระบุรี ไปยัง จ.พิษณุโลก
โดยการศึกษาเบื้องต้นของ กรมธุรกิจพลังงานจะใช้เงินลงทุนมากกว่า 15,000 ล้านบาท ส่วนผลตอบแทนการลงทุน 10% น่าจะเป็นระดับที่เหมาะสมแล้ว แต่หากผู้ถือหุ้นรายใดไม่พร้อมลงทุนเพิ่มให้ ปตท. เป็นตัวแทนของภาครัฐเป็นผู้ลงทุนแทน เพื่อให้โครงการเป็นไปตามเป้าหมาย







