'แม็คโคร'ในมือ'ซีพีออลล์'ขุมพลังครือข่าย

"แม็คโคร"ในอุ้งมือ"ซีพีออลล์"ขุมพลังแห่งเครือข่ายและอำนาจการต่อรอง ฝ่าสมรภูมิค้าปลีกในไทย ผงาดในอาเซียน
"แม็คโคร" ธุรกิจศูนย์ค้าส่งแบบชำระเงินสดและบริการตัวเอง สัญชาติเนเธอร์แลนด์ ภายใต้กลุ่มเอสเอชวี โฮลดิ้ง เอ็นวี เข้าลงทุนในประเทศไทยมากว่า 2 ทศวรรษ โดยร่วมทุน "กลุ่มซีพี" ก่อตั้ง บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด เปิดบริการ "แม็คโคร ลาดพร้าว" เป็นสาขาแรก เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 2532 นับเป็นการปฏิวัติระบบซัพพลายเชนค้าปลีกค้าส่งไทยก็ว่าได้ ด้วยรูปแบบธุรกิจ "ค้าส่งสมัยใหม่" ทำหน้าที่เสมือนศูนย์กลาง "สั่งและซื้อ" สินค้าโดยตรงจากผู้ผลิตมาจำหน่ายให้ "ผู้ประกอบการ" หรือ บรรดาร้านค้าปลีกรายย่อย ร้านอาหาร ภัตตาคาร ฯลฯ ซึ่งเป็นลูกค้าเป้าหมายหลักได้เข้ามาเลือกซื้อสินค้าต่างๆ ด้วยตนเอง
ปริมาณการสั่งซื้อสินค้าจำนวนมากของแม็คโครทำให้ได้ "ราคาต่ำ" กว่าโครงสร้างตลาดแบบเดิมๆ ที่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว กว่าจะถึงมือผู้ค้ารายย่อยแบก "ต้นทุน" ไม่น้อย
สำหรับกลุ่มเอสเอชวี โฮลดิ้ง เอ็นวี บริษัทเก่าแก่แห่งเนเธอร์แลนด์ มีธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจสำรวจและ ผลิตน้ำมันและก๊าซ จำหน่ายก๊าซแอลพีจี ธุรกิจรถยกและการจัดส่ง อุตสาหกรรมบริการ และธุรกิจด้านการลงทุนและหุ้น โดยธุรกิจค้าส่ง คือ แม็คโคร มีสัดส่วนรายได้ไม่ถึง 3% ปัจจุบันมีเครือข่ายธุรกิจเหลืออยู่เพียง 6 ประเทศในทั่วโลกกว่า 200 สาขา ส่วนใหญ่อยู่ในอเมริกาใต้ ได้แก่ บราซิล เวเนซุเอลา อาร์เจนตินา เปรู โคลัมเบีย และ "ไทย" เป็นประเทศเดียวในเอเชีย
หลายปีก่อนหน้านี้ เอสเอชวี โฮลดิ้ง ทยอยขายกิจการ "แม็คโคร" มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ สหราชอาณาจักรที่ขายให้กับกลุ่ม "เมโทร" ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกรายใหญ่ สัญชาติเยอรมัน ซึ่งได้ขายต่อให้กับกลุ่ม "บรุ๊คเกอร์ กรุ๊ป" ในมาเลเซียได้ขายกิจการให้กับ "เทสโก้" ค้าปลีกรายใหญ่ของอังกฤษ ส่วนแม็คโครในอินโดนีเซีย ขายให้แก่กลุ่ม "ลอตเต้"
พลังแห่งเครือข่าย-อำนาจต่อรอง
นักวิเคราะห์ในวงการค้าปลีก กล่าวว่า การซื้อขายกิจการในแขนงธุรกิจต่างๆ เป็นเรื่องปกติของการดำเนินธุรกิจในทั่วโลก มีการตัดขายกิจการทั้งจากปัญหาขาดทุน และ "ทรัพย์สินดี" กรณีแม็คโครถือเป็นสินทรัพย์ดี โดย ทำเล เครือข่ายสาขา และ รูปแบบธุรกิจ เอื้ออำนวยต่อการเติบโตของนักลงทุน อย่างกลุ่มซีพีออลล์ที่สามารถ "ต่อยอด" ฐานธุรกิจค้าปลีกทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียน
"เมื่อเอสเอชวี โฮลดิ้ง ได้ข้อเสนอหรือราคาที่ดีจึงไม่ปฏิเสธ เพราะในปัจจุบันแม็คโครไม่ถือเป็นธุรกิจหลักของบริษัทแม่แล้ว แม้ผลประกอบการในไทยจะดีมาก และมีโอกาสขยายตัวอย่างต่อเนื่องก็ตาม ซึ่งการดำเนินธุรกิจค้าปลีกค้าส่งประเภทนี้ จำเป็นต้องมีเครือข่ายจำนวนมากเพื่อให้ได้วอลุ่มซื้อขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ได้ต้นทุนต่ำสุด จึงจะสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
ประการสำคัญธุรกิจแม็คโครเน้น "ขายส่ง" มีลูกค้ามากมายมหาศาลตั้งแต่ร้านโชห่วย แบกะดิน หาบเร่-แผงลอย ร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงแรมหรู ฯลฯ "ไม่มีคู่แข่งทางตรง" ทั้งในไทยและอาเซียน จะเห็นว่าโดยสภาพธุรกิจไม่ต่างจาก "เซเว่น-อีเลฟเว่น" เป็นผู้นำตลาดแบบทิ้งห่างคู่แข่งใครจะเข้ามาแข่งก็ยากและเหนื่อย เพราะสยายปีกครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศแล้ว ทั้งยังมีกฎหมายผังเมืองเป็นข้อจำกัดสำคัญในการเปิดสาขาใหม่ สกัดคู่แข่งรายใหม่ไปด้วยในตัว
การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ทำให้การลงทุนหลั่งไหลสู่ภูมิภาคนี้ กระตุ้นอัตราการบริโภคขยายตัวสูง แน่นอนว่าโมเดลธุรกิจ "ค้าส่งสมัยใหม่" ตอบโจทย์ความต้องการสินค้าและบริการเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี สอดรับยุทธศาสตร์การลงทุนของกลุ่มซีพี และบริษัทในเครืออย่าง "ซีพีออลล์" เจ้าของเครือข่ายร้านค้าปลีกอิ่มสะดวก " เซเว่น-อีเลฟเว่น" ที่มีแผนขยายตลาดในอาเซียน จำเป็นต้องมองหารูปแบบธุรกิจที่มีศักยภาพสูงสุดสามารถเชื่อมโยงและต่อยอดกับฐานธุรกิจค้าปลีกที่มีอยู่
"สิ่งแรกที่ซีพีออลล์จะได้ประโยชน์แน่นอนคืออำนาจต่อรองคู่ค้า จากปริมาณคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล จากการที่มีทั้งเชนสโตร์ค้าปลีกและค้าส่งขนาดใหญ่ในมือ สร้างพลังแห่งเครือข่าย ซึ่งทั้งสองธุรกิจต่างเป็นผู้นำตลาดแบบเด็ดขาด"
"อำนาจการต่อรอง" ถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบการค้าสมัยใหม่เพื่อให้ได้ "ต้นทุน" ต่ำที่สุดท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในสมรภูมิค้าปลีกเมืองไทย ที่ทุนค้าปลีกข้ามชาติทั้ง เทสโก้ สโตร์ อิงค์ บริษัทแม่ "เทสโก้ โลตัส" และ คาสิโน หุ้นใหญ่ "บิ๊กซี" ยึดเวทีห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด
อาเซียน'บริโภคพุ่ง'หนุนสยายปีก
ช่วงต้นปี นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผนธุรกิจไว้ว่า อยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศอาเซียนว่า "เป็นไปได้" หรือ "เป็นไปไม่ได้" กล่าวคือ คุ้มต่อการลงทุนหรือไม่ เนื่องจากการเปิดสาขาแม็คโครแต่ละแห่งมีมูลค่าการลงทุนสูง จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าตลาดหรือกำลังซื้อใหญ่เพียงพอหรือไม่ ท่ามกลางอุปสรรค อาทิ ราคาที่ดินค่อนข้างสูง กฎหมายเกี่ยวกับการลงทุนต่างๆ มีความชัดเจนมากน้อยอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้น แม็คโครได้ขยายธุรกิจ "ฟู้ดเซอร์วิส" ในประเทศเวียดนาม ในช่วงปลายปี 2555 โดยจัดตั้งบริษัท วีนาสยาม ฟู้ด จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ และประกอบธุรกิจในเวียดนาม เพื่อทำธุรกิจทางการค้าและการจำหน่ายสินค้า รวมทั้งธุรกิจการนำเข้าและส่งออก รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราการบริโภคของเวียดนามขยายตัวสูง ทำให้สินค้าอาหารและบริการเหล่านี้เป็นที่ต้องการมากขึ้น
ธุรกิจ "ฟู้ดเซอร์วิส" เป็นโมเดลธุรกิจใหม่ของแม็คโครในไทย ที่พัฒนาและเริ่มเปิดตลาดในปีที่ผ่านมา สาขาแรกอยู่ที่หัวหิน และสาขา 2 ที่ป่าตอง จ.ภูเก็ต เปิดบริการต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา เน้นจำหน่ายสินค้าประเภทอาหารสด อาหารแช่แข็ง อาหารแห้ง วัตถุดิบ เครื่องปรุงทั้งไทยและต่าง
ขณะที่ตลาดในประเทศไทย ยังมีศักยภาพขยายตัวสูง ภายใต้เป้าหมายเปิดบริการแม็คโครใน "ทุกจังหวัด" บางจังหวัดมีโอกาสเปิดมากกว่า 1 สาขา ตามการเติบโตของธุรกิจขนาดย่อม ร้านอาหาร โรงแรม ฯลฯ โดยปีนี้มีแผนเปิดสาขาใหม่ 3 แห่ง ได้แก่ มุกดาหาร สตูล และ ตราด โดยแต่ละสาขา ลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท
ปัจจุบัน แม็คโคร มีฐานสมาชิกกว่า 2 ล้านราย มีสาขารวม 58 แห่ง ครอบคลุมกรุงเทพฯ ปริมณฑล และ ต่างจังหวัด กว่า 50 จังหวัด โดยไตรมาสแรกนี้ได้เปิดสาขาสตูล เป็นแห่งที่ 58







