มารยาท ฟาร์ม โลกของคนรักเห็ด

มารยาท ฟาร์ม ฟาร์มของคนรักเห็ดที่อยากแบ่งปันของดีมีคุณค่าต่อสุขภาพ ส่งตรงจากผู้ผลิต เพื่อยกระดับชีวิตผู้บริโภคหัวใจสีเขียว
เว็บเพจ “มารยาท ฟาร์ม” (Marayat Farm) เปิดต้อนรับพลพรรคคนรักเห็ด ให้เข้ามาเป็นมิตรรักแฟนเพจ เพื่อแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ของ “เห็ด” สู่มหาชนในวงกว้าง
ช่องทางเดียวกันนี้ ยังเป็นประตูทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จักในเวลารวดเร็ว ขณะที่การขยันออกงานตลาดสีเขียว ก็ยังสั่งสมฐานลูกค้า ทั้งขาจร ขาประจำ ให้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“มารยาท ฟาร์ม เริ่มต้นธุรกิจเมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา เกิดจากคนที่นิยมอาหารออร์แกนิกส์ ชอบทานเห็ด พอทานมากๆ เข้า ก็คิดที่จะเลี้ยงเอง เลยลองเพาะเลี้ยงกันดู และแบ่งปันให้คนใกล้ๆ ตัวรับประทาน”
“เสถียร จันทร์เจ้าฉาย” บอกเล่าเรื่องราวของมารยาท ฟาร์ม กิจการเล็กๆ ที่เกิดจากความตั้งใจของ “มารยาท เอี่ยมมงคลสกุล” ผู้เป็นภรรยา รวมถึงสมาชิกในครอบครัว
ความตั้งใจเล็กๆในวันนั้น นำมาสู่การศึกษาเรื่องราวของเห็ดอย่างลึกซึ้ง เรียกว่าตั้งแต่สายพันธุ์ วิธีเลี้ยง ไปจนถึงสรรพคุณ โดยมีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์คอยถ่ายทอดความรู้อย่างใกล้ชิด ก่อนจะเริ่มทำฟาร์มเห็ดเล็กๆในพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ ย่านรังสิต ปทุมธานี
“ที่ฟาร์มของเราปลูกเห็ดประมาณ 4-5 ชนิด ไม่ได้ปลูกในปริมาณมากนัก เพราะปลูกไปก็แพ้เห็ดนำเข้า และเห็ดบางตัวที่เป็นเห็ดธุรกิจ ซึ่งถ้านายทุนกลุ่มใหญ่ลงมาทำเยอะๆ เขาสามารถกดราคาให้ต่ำมาก เราก็จะตาย เพราะในทางเศรษฐกิจเราเลี้ยงน้อย ต้นทุนย่อมสูงกว่าเขา ฉะนั้นเลยเน้นที่เลี้ยงไม่เยอะ แต่มีความหลากหลาย และเน้นเป็นเห็ดปลอดสาร”
กลายเป็นที่มาของการปรับกระบวนการเพาะเลี้ยงตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ ให้ปลอดสารเคมี เช่น ก้อนเพาะเห็ด ที่ใช้ขี้เลื่อย ซังข้าวโพด และรำ นำมาหมักด้วยวิธีทางธรรมชาติ ทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ปี จนไม่มีกลิ่นขี้เลื่อย แล้วมาใช้เพาะ และไม่มีการใช้สารเคมีกระตุ้นให้เห็ดเจริญเติบโต แต่ให้เป็นไปตามธรรมชาติ
จนได้เห็ดที่ปลอดสารเคมี เส้นใยสมบูรณ์ ขาวไม่ซีด และยังคงคุณค่าไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม ขณะที่ก้อนเชื้อเห็ดที่ทิ้งแล้วก็นำไปแทนดินเพื่อเพาะปลูกผักออแกนิกส์ในฟาร์มของพวกเขา
พระเอกของมารยาท ฟาร์ม คือ เห็ดโคนญี่ปุ่น ,เห็ดภูฏาน,เห็ดเข็มทอง และเห็ดนางรมหลวง
หลังใช้ เวลาไปกับการลองผิดลองถูก เรียนรู้ตั้งแต่กระบวนการปลูกจนมาเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมส่งขาย พวกเขาก็เริ่มทำตลาด เป้าหมายที่พลพรรคมารยาท ฟาร์ม บอกกับเรา ไม่ใช่แค่ให้มีรายได้เข้ามาหล่อเลี้ยงองค์กร สำคัญกว่านั้นคือ การได้เป็นส่วนหนึ่งของสังคมสีเขียว ผลักดันให้ผู้คนได้บริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ปลอดภัย ไร้สารเคมี และส่งตรงจากผู้ผลิต เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้ดีขึ้น
การทำตลาดเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง จึงต้องใช้เวทีนัดพบผู้คนหัวใจสีเขียว และร่วมมือกับเครือข่ายสีเขียว อย่างการร่วมกับกลุ่ม Going Green Market ไปออกงานที่ K Village ออกงานที่ Park Lane Bangkok กระทั่งร่วมงานมินิกรีนแฟร์ “วันวิถีสีเขียว…กิน(ให้)ดี อยู่ดี มีทางเลือก” โดยเครือข่ายตลาดสีเขียว ที่ศูนย์การค้ากลางแจ้งจตุจักรกรีน ตลอดจนการออกร้านที่โครงการหลวง กระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลที่เปิดโอกาสให้กับพวกเขา
รวมถึงใช้ช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก อย่าง “เฟชบุ๊ค” เพื่อเข้าถึงเหล่าสาวกคนรักเห็ด ได้อย่างรวดเร็วและในวงกว้าง
การขายต้องมาควบคู่กับสอนการกิน ในเว็บเพจของพวกเขา จึงผสมผสานเรื่องราวของเมนูจากเห็ด ที่สามารถทดแทนเนื้อสัตว์หลากชนิดได้อย่างไม่น่าผิดหวัง เพราะการให้เนื้อสัมผัสที่ไม่ต่างจากเนื้อสัตว์ อย่าง หมู ไก่ ปลา ปลาหมึก นำไปปรุงเมนูได้สารพัด
ขณะที่การออกบูธแต่ละครั้ง ก็จะพกพาอุปกรณ์พร้อมปิ้งเห็ดให้คนได้ทดลองชิมกันสดๆ อีกด้วย
เรียกว่า ใช้สารพัดวิธีเพื่อให้ผู้บริโภคได้เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเห็ด จากที่บางคนเคยมองว่า เป็นแค่ของตกแต่งจานอาหาร มาเป็นเมนูสารพัดประโยชน์ได้ในวันนี้
ธุรกิจยังดำเนินไปได้เรื่อยๆ แม้จะไม่ได้ร่ำรวยใหญ่โต แต่พวกเขาก็บอกว่า “มีความสุข” จนเมื่อถึงวันที่ฟาร์มเล็กๆ ถูกน้องน้ำเล่นงานในปลายปี 2554 ..กิจการได้รับความเสียหายไปเกือบหมด
“เราอยู่ที่รังสิต น้ำท่วมฟาร์ม เสียหายไปกว่า 70% เรียกว่าเกือบหมดเลยดีกว่า ถึงตอนนี้ก็บูรณะได้แค่ 30% เท่านั้น เลยต้องมาคิดกันว่าจะทำอย่างไร เพราะคงให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม 100% ไม่ได้แล้ว”
ที่มาของการแสวงหาโอกาสในวิกฤติ เพื่อพยุงธุรกิจให้อยู่รอด และดูแลพนักงานที่เหลืออยู่ 10 ชีวิต หลังมองรอบตัว พบว่า ที่ฟาร์มยังมีชุดก้อนเพาะเห็ดเหลืออยู่จำนวนมาก จึงได้คิดทำเป็นชุดก้อนเชื้อเห็ดพร้อมเพาะออกขาย มีตั้งอยู่ในตะกร้าไม้ และแบบแขวน เพื่อให้ลูกค้าสามารถเพาะเห็ดทานเองได้ที่บ้าน โดยใช้พื้นที่เล็กๆ อย่างแขวนตามผนัง ต้นไม้ ระเบียงคอนโด ห้องน้ำ ในสวนหย่อม ก็ทำได้ง่ายๆ ในราคา ตั้งแต่ 100-250 บาท
รวมถึงแผนการพัฒนาฟาร์มให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อเปิดให้ผู้คนได้ไปเยี่ยมชมและเรียนรู้ การเลี้ยงเห็ดโดยไม่ใช้สารเคมี ก่อนขยายผลสิ่งดีๆ นี้ออกไปในวงกว้าง
“ในเชิงธุรกิจ ยังมีแนวโน้มไม่ค่อยดีนัก เพราะต้องต่อสู้กับเห็ดต่างชาติและเห็ดที่มีนายทุนผลิต ซึ่งเขาจะกดราคาอย่างมากเลย ประเภทเหลือ 1 ใน 3 เพราะเขาทำขนาดใหญ่ เป็นแมสโปรดักส์ เราจึงต้องเปลี่ยนแผนไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะทำให้ธุรกิจนี้อยู่ต่อไปได้”
เขาบอกปัญหาใหญ่ ที่ยังต้องเผชิญหน้า แต่ก็หวังว่า “มารยาท ฟาร์ม” จะเป็นทางเลือกให้ผู้ที่รักสุขภาพ ได้มีผลิตภัณฑ์ดีๆ ปลอดสารพิษ ดูแลตัวเองต่อไป
สำหรับธุรกิจสีเขียว “เสถียร” บอกว่า มีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าในอดีตมาก สังเกตได้จากการจัดกิจกรรมตลาดสีเขียวแต่ละครั้ง จะมีเหล่าผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์รักษ์โลก และผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับเกษตรอินทรีย์ สินค้าปลอดสาร และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมงานเพิ่มขึ้นทุกปี
แม้โดยส่วนตัวเขาแอบคิดว่ายัง “โตไม่ทันใจ” แต่ก็เห็นสัญญาณที่ดีขึ้น โดยหวังว่าสังคมสีเขียวจะแผ่ขยายไปสู่หัวใจผู้คนได้มากกว่านี้ในอนาคต







