เศรษฐกิจไทย บนปากเหว

เศรษฐกิจไทย บนปากเหว

อำนาจของเงินในกระเป๋ามีน้อยลงจนรู้สึกได้ ล้วนเป็นเรื่องที่รัฐบาล หน่วยงานกำกับดูแลต้องระมัดระวัง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ระยะยาว อัตราดอกเบี้ย อาจต้องมาทบทวนใหม่หรือไม่ 

เศรษฐกิจไทยในห้วงเวลานี้ มีความอ่อนไหวและเปราะบางสูง โดยเฉพาะสัญญาณลบที่สะท้อนออกมาจากแวดวง “หุ้นกู้” ที่ดูจะทรุดหนักเกินกว่าที่คาด โดยเฉพาะ “หุ้นกู้ครบกำหนด” ซึ่งปีนี้จะมีสูงถึง 1 ล้านล้านบาท อาจมีความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น

โดยเฉพาะใน “กลุ่มไฮยีลด์” ที่จะครบกำหนดราว 5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากธุรกิจที่มีการออกหุ้นกู้ไฮยีลด์ มีความสามารถในการชำระหนี้หุ้นกู้ครบกำหนด “ลดลง” ตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ไม่สามารถชำระหนี้หุ้นกู้ครบกำหนดได้ และความเสี่ยงต่ออายุหุ้นกู้ (Roll-over risk) มีเพิ่ม จนนำไปสู่การผิดนัดชำระหุ้นกู้เพิ่มขึ้น

กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ได้ติดตามสถานการณ์หุ้นกู้ครบกำหนด ที่อาจจะมีปัญหาเรื่องการชำระอย่างใกล้ชิด

กระทรวงการคลังเอง ออกมาระบุแล้วว่า แนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องหุ้นกู้ ยังเป็นกลไกของตลาดทุนที่สามารถดูแลได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม เรามองว่า เพียงแค่หนึ่งบริษัทที่มีปัญหา ก็เท่ากับเป็นสัญญาณเตือนความผิดปกติของสภาพคล่องทางเศรษฐกิจทั้งระบบ ที่สะท้อนไปยังผู้เกี่ยวข้องให้รีบหาแนวทางในการรับมือ

เศรษฐกิจไทยวันนี้อยู่ในภาวะที่เติบโตช้าลง สะท้อนจากดัชนีตัวเลขต่างๆ ที่ทำได้ไม่ดีนัก ท่ามกลางปัญหาความท้าทายของโลกที่ยังสะสมอยู่อีกมากมาย ล้วนเป็นตัวแปรทำให้เศรษฐกิจไทยซวนเซ

หากรับมือไม่ดี รวมไปถึงปัญหาการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจ การเงิน การลงทุนในประเทศที่ดูเหมือนไปคนละทาง โดยเฉพาะความเห็นต่างเรื่อง “ดอกเบี้ย” ท่ามกลางภาวะหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น ราคาสินค้าที่ขยับขึ้นราคา

อำนาจของเงินในกระเป๋ามีน้อยลงจนรู้สึกได้ ล้วนเป็นเรื่องที่รัฐบาล หน่วยงานกำกับดูแลต้องระมัดระวัง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ระยะยาว อัตราดอกเบี้ย อาจต้องมาทบทวนใหม่หรือไม่ 

เศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวค่อนข้างช้า มีหลายปัจจัยที่กดดัน ทั้งเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ความล่าช้าในการใช้งบประมาณภาครัฐ

จากที่ยังไม่มี พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 จึงทำให้การใช้จ่ายในส่วนการอุปโภค-บริโภค และการลงทุนภาครัฐยังไม่เกิดขึ้น 

ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวที่คาดหวังไว้สูงส่งว่า จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมามาก ก็ไม่เป็นไปตามคาด โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน รวมทั้งการส่งออกที่ติดลบ ส่งผลให้ทั้งปีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจดูจะไม่เป็นใจ แถมผลักให้เรากำลังเข้าใกล้ ‘วิกฤติ’ แบบขั้นสุด ที่รัฐบาลเศรษฐา 1 ต้องรับมือให้ดี