'บีทีเอส' พร้อมเปิดรถไฟฟ้าสายสีเหลือง 3 มิ.ย.นี้ รอบปฐมฤกษ์ 9 โมง

'บีทีเอส' พร้อมเปิดรถไฟฟ้าสายสีเหลือง 3 มิ.ย.นี้ รอบปฐมฤกษ์ 9 โมง

“บีทีเอส” เปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สำโรง เที่ยวปฐมฤกษ์ 9 โมงเช้า 3 มิ.ย.นี้ ประชาชนนั่งฟรี 30 วัน ก่อนเล็งจัดเก็บค่าโดยสารเริ่ม 15 – 45 บาท พร้อมเปิดช่องเจรจา รฟม.สร้างส่วนต่อขยายเชื่อมสถานีรัชโยธิน

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)(BTSC) เปิดเผยว่า หลังการหารือร่วมกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เพื่อเตรียมความพร้อมเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สำโรง เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปร่วมกันถึงกำหนดการเปิดให้ประชาชนทดสอบการเดินรถเสมือนจริง (Trial Run) ในวันที่ 3 มิ.ย.นี้

โดยเบื้องต้น 'บีทีเอส' ได้เตรียมความพร้อมในการเปิดให้บริการขบวนรถเที่ยวแรกหรือรอบปฐมฤกษ์ ในเวลาประมาณ 9.00 น. หลังจากนั้นจะเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการตลอดทั้งวัน เป็นระยะเวลา 30 วัน และคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ ที่จะมีการัจดเก็บค่าโดยสารในช่วงประมาณวันที่ 1 – 3 ก.ค.2566 เนื่องจากปัจจุบันบีทีเอสได้ยื่นขออนุมัติอัตราราคาที่คำนวณจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ไปยัง รฟม.พิจารณาแล้ว

“บีทีเอสมีความพร้อมที่จะเปิดให้ประชาชนร่วมทดสอบระบบ ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สำโรง เพราะขณะนี้โครงการมีความพร้อมด้านความปลอดภัย และสิ่งอำนวยความสะดวกแล้ว ซึ่งการเปิดเดินรถจะช่วยแก้ปัญหาการจราจรติดขัดบนถนนลาดพร้าว โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนได้เป็นอย่างดี”

ขณะที่กรณีของการจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้า ตามขั้นตอนที่กำหนดในสัญญาทางบีทีเอสจะต้องคำนวณราคาจากดัชนี CPI 3 เดือนก่อนเปิดให้บริการ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบีทีเอสได้ประเมินอัตราราคาจัดเก็บเริ่มต้นที่ 15 – 45 บาท และเสนอไปยัง รฟม.เพื่อนำเข้าคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม.พิจารณา ก่อนเสนอไปยังกระทรวงคมนาคม และคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติต่อไป โดยคาดว่าขั้นตอนเหล่านี้จะใช้เวลาไม่นาน ดังนั้นจึงจะเริ่มจัดเก็บค่าโดยสารได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

อีกทั้งหลังจากเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และบีทีเอสสามารถดำเนินการจนผ่านประเมินแล้ว ภายใน 45 วัน ตามสัญญาทาง รฟม.จะต้องจ่ายชดเชยค่างานโยธาหลังจากกำหนดไว้ในงวดแรก และทยอยจ่ายจนครบจำนวนในระยะเวลา 10 ปี ส่งผลให้ในปีนี้บีทีเอสเริ่มรับรู้รายได้จากการเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ซึ่งก่อนหน้านี้บีทีเอสเคยประเมินว่าปี 2566 จะมีรายได้จากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู ที่จะทยอยเปิดบริการเดือน มิ.ย.นี้ รวมปีละ 2,000 ล้านบาท ดังนั้นหากเปิดให้บริการกลางปีนี้ จะสร้างรายได้รวม 1,000 ล้านบาท

นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ข้อเสนอของบีทีเอสที่จะลงทุนก่อสร้างส่วนต่อขยาย ช่วงแยกรัชดา-ลาดพร้าว ถึงแยกรัชโยธิน เป็นส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีเหลือง เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยมีระยะทาง 2.6 กิโลเมตร แม้ว่าตามเงื่อนไขสัญญาจะระบุไว้ว่าหากเปิดให้บริการส่วนหลักของรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ข้อเสนอก่อสร้างส่วนต่อขยายจะสิ้นสุดลงนั้น แต่บีทีเอสยืนยันว่าโครงการส่วนต่อขยายเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการเดินทางเชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้า ดังนั้นหาก รฟม.เห็นพร้อมกัน บีทีเอสก็พร้อมที่จะเจรจาหลังจากนี้

“ส่วนต่อขยายสายสีเหลืองเราเสนอจะลงทุนให้ 100% ซึ่งเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน หาก รมฟ.จะเจรจาก็ยินดี แต่หากจะมีการเจรจาหลังจากนี้ไปอีก 5 ปี ก็จะทำให้สัญญาเดินรถลดลงไปอีก จาก 30 ปี ก็จะเหลือ 25 ปี ซึ่งอาจทำให้ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน ดังนั้นคงต้องเจรจารายละเอียดเพิ่มเติมหลังจากนี้ แต่ในแง่ของประชาชนเกิดประโยชน์แน่นอน”

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง ครม.มีมติเมื่อวันที่ 29 มี.ค.2559 พัฒนาเป็นระบบไฟฟ้ารางเดี่ยว Monorail ในรูป Public Private Partnership (PPP Net Cost) โดยภาครัฐ (รฟม.) ลงทุนค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และเอกชนลงทุนค่างานโยธา ระบบรถไฟฟ้าและขบวนรถไฟฟ้ารวมทั้งบริการเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงรักษา

รวมระยะเวลาสัญญาเอกชนร่วมลงทุน 33 ปี 3 เดือน อันได้แก่ ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี 3 เดือน และระยะเวลาเดินรถ 30 ปี และอนุมัติวงเงินงบประมาณรายจ่ายของโครงการและกรอบวงเงินสนับสนุนแก่เอกชนเป็นเงินสนับสนุนค่างานโยธาในวงเงินไม่เกิน 22,354 ล้านบาท โดยทยอยจ่ายให้เอกชนหลังจากเริ่มให้บริการเดินรถแล้ว และแบ่งจ่ายเป็นรายปี กำหนดระยะเวลาแบ่งจ่ายไม่ต่ำกว่า 10 ปี

สำหรับแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง มีระยะทาง 30.4 กิโลเมตร เป็นรถไฟฟ้าโมโนเรลรวมจำนวน 23 สถานี โดยมีแนวเส้นทางเริ่มต้นที่แยกรัชดา-ลาดพร้าว วิ่งไปตามถนนลาดพร้าว จนถึงแยกบางกะปิ และเลี้ยวขวาไปตามถนนศรีนครินทร์ ผ่านแยกศรีนุช ศรีอุดม ศรีเอี่ยม จนถึงแยกศรีเทพา เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนเทพารักษ์ ไปสิ้นสุดที่จุดตัดถนนสุขุมวิท ที่สถานีสำโรง

ทั้งนี้เอกชนผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง จดทะเบียนดำเนินงานภายใต้บริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (EBM) โดยกลุ่มกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture) ประกอบด้วย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (BTS) บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (STEC) และบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (RATCH)