‘บิ๊กคอร์ป’ ไทย-ข้ามชาติ หวังรัฐบาลใหม่ เร่งลดค่าไฟ ตรึงค่าแรง

‘บิ๊กคอร์ป’ ไทย-ข้ามชาติ หวังรัฐบาลใหม่ เร่งลดค่าไฟ ตรึงค่าแรง

ภาคเอกชนไทยรายใหญ่-บริษัทข้ามชาติ เสนอรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังเข้ามาบริหารประเทศ มุ่งดูแลเรื่องค่าไฟ ค่าแรง ห่วงขึ้นแรงกระทบหนักธุรกิจรายเล็ก

เป็นที่ติดตามของภาคเอกชนไทยอย่างใกล้ชิดกับนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังเข้ามาบริหารประเทศ โดยเฉพาะนโยบายในเรื่องเศรษฐกิจ ที่ภาคเอกชนส่งเสียงสะท้อนให้เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ตรึงค่าแรงงาน ลดค่าไฟฟ้า หวังกระตุ้นกำลังซื้อระยะยาว

กลุ่มธุรกิจอาหาร ขอให้ลดค่าไฟฟ้า ตรึงค่าแรงงาน

นายสมบัติ หงส์ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคที เรสทัวรองท์ จำกัด ในเครือ บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ฯ ธุรกิจอาหารในเครือสิงห์ คอร์เปอเรชั่น ผู้บริหารร้าน ซานตา เฟ่ กล่าวว่า เรื่องแรกที่อยากให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาเร่งผลักดันคือ การลดค่าไฟฟ้า พร้อมดูแลต้นทุนสาธารณูปโภคค่าน้ำและค่าน้ำมัน เนื่องจาก ภาพรวมต้นทุนการทำธุรกิจปรับเพิ่มขึ้นรวมกว่า 5% แล้ว กระทบต่อภาคเอกชน และการปรับลดค่าสาธารณูปโภคต่างๆ จะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะยาว

ขณะเดียวกัน เรื่องค่าแรง ที่รัฐบาลชุดใหม่ ได้ประกาศจะปรับค่าแรงงาน 450 บาท อยากให้ชะลอนโยบายนี้ออกไปก่อน เนื่องจากต้นทุนค่าแรงมีสัดส่วนถึง 25% ของต้นทุนผู้ประกอบการ หากปรับเพิ่มขึ้นจะยิ่งกระทบธุรกิจรายเล็ก โดยเฉพาะเอสเอ็มอี อีกทั้งในปัจจุบัน กำลังซื้อโดยรวมกลับมาประมาณ 80% แต่มีบางส่วนที่กำลังซื้อยังชะลอตัวอยู่ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวยังไม่กลับมาเทียบเท่ากับช่วงก่อนโควิด

กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์-ของตกแต่งบ้าน ขอเร่งดูแลปัญหาปากท้องประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ 

นายพิมล ศรีวิกรม์ ประธาน บริษัท ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TCMC กล่าวว่า รัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังฟอร์มทีมเข้ามาบริหารประเทศไทยอยากให้ออกนโยบายที่สำคัญทั้ง 1. การดูแลรายได้ของคนในประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากค่าไฟฟ้าและค่าสาธารณูโภคต่างๆ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน มีกำลังซื้อมากขึ้น 2. การกำหนดนโยบายลดความเหลื่อมล้ำของคนในประเทศไทย เพื่อให้ช่องว่างตรงนี้หายไป 

3.การกำหนดยุทธศาสตร์ของประเทศไทยว่าจะไปในทิศทางใด ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเงิน และทางด้านสังคม เนื่องจากการแข่งขันระหว่างประเทศมีความรุนแรงมากขึ้น การกำหนดโรดแมปที่ชัดเจนจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น

"อีกบทบาทที่เป็นนายกสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย อยากให้รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนกีฬาของประเทศไทยอย่างจริงจัง เพราะกีฬาถือเป็นซอฟท์ พาวเวอร์ ของประเทศที่มีความสำคัญอย่างมาก และที่ผ่านมา ภาคการกีฬาของไทยขาดการสนับสนุนต่อเนื่อง จึงมีผลกระทบต่อนักกีฬาและการแข่งขันในระดับประเทศ เช่น การแข่งขันซีเกมส์ล่าสุด ที่ไทยยังไม่สามารถเป็นผู้นำเหรียญทองซีเกมส์ได้"

กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า เสนอกระตุ้นเศรษฐกิจ เร่งเจรจาการค้า ปั้มส่งออก

นายธเนศร์ บินอาซัน รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาด แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า ไฮเออร์ กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลชุดใหม่เร่งรัดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย เพื่อทำให้กำลังซื้อของประชาชนกลับมาเร็วที่สุดและทำให้คนในประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง แต่ไม่ควรใช้นโยบายในการแจกเงิน พร้อมกันนี้ อยากให้เร่งรัด นโยบายการค้าและการส่งออกของประเทศ ควรกำหนดยุทธศาสตร์การส่งออกให้ชัดเจน และทำสัญญาเจรจาการค้าเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างโอกาสการค้าใหม่ๆ และเพิ่มส่งออกของไทย

“ในขณะนี้หลายประเทศคู่ค้ามองประเทศไทยว่า เป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นแล้ว เป็นสัญญาณที่ดี ต่อการทำธุรกิจละการค้าระหว่างประเทศในอนาคต”

กลุ่มธุรกิจปั้มน้ำมัน หนุนเร่งลดค่าไฟฟ้า ออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม

นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นโยบายแรกที่รัฐบาลชุดใหม่จะเข้ามาขับเคลื่อนประเทศไทย อยากให้ดูแลเรื่องการปรับลดค่าไฟฟ้าลงมา จะส่งผลดีต่อประชาชนในประเทศทั้งหมด พร้อมมีนโยบายที่กระตุ้นภาคเศรษฐกิจให้ขยายตัวดีต่อเนื่อง

ส่วนอัตราค่าแรงงาน อยากให้รัฐบาลชุดใหม่นี้ ตรึงค่าแรงงานในระดับนี้ไปก่อน ไม่อยากให้ปรับขึ้น เนื่องจากภาคเอกชนมีการปรับขึ้นค่าแรงงานไปแล้วตั้งแต่เดือน ต.ค.2565 ที่ผ่านมา โดยควรประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างรอบด้านก่อน

ธุรกิจแฟชั่น เสนอให้มีมาตรการรองรับ การปรับขึ้นค่าแรง ไม่อยากให้ขึ้นเร็วทันที

นางประวรา เอครพานิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บูติคนิวซิตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้ออกแบบและจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นหญิงในเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ ที่เตรียมปรับขึ้นค่าแรง 450 บาทต่อวันนั้น อยากให้รัฐบาลที่กำลังเข้ามากำหนดนโยบายค่าแรงพิจารณาจากหลายปัจจัยรอบๆ ด้านประกอบกัน และไม่อยากให้พิจารณาปรับขึ้นแบบรวดเร็วถึงระดับ 450 บาทในครั้งเดียว

ทั้งนี้ การปรับขึ้นแบบรวดเร็วทันที อาจจะมีผลกระทบภาคธุรกิจหลายๆ ส่วน ที่อาจยังไม่มีความพร้อมในการปรับตัว รวมถึงผลกระทบในระยะยาวจะสามารถอยู่รอดได้หรือไม่ จึงต้องหาแนวทางอื่นๆ หรือมาตรการต่างๆ มารองรับนโยบายนี้

แบรนด์จากสวีเดน อยากให้รัฐบาลมีเสถียรภาพดำเนินนโยบาย

นายประวิทย์ เตชะวิจิตร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดูนิ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตกระดาษเช็ดปากจากประเทศสวีเดน แบรนด์ ดูนิ (DUNI) กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าแรง  450 บาท ในมุมมองของบริษัทสามารถปรับขึ้นได้ และในปัจจุบันบริษัทมีการให้ค่าแรงเกิน 450 บาทต่อวันให้แก่พนักงานอยู่แล้ว ซึ่งบริษัทมีโรงงานผลิตสินค้าแห่งเดียวในเอเชียที่ประเทศไทย แต่ทั้งนี้อยากให้พิจารณาหลายปัจจัยมาประกอบกันก่อน โดยเฉพาะสถานการณ์ในเรื่องเงินเฟ้อและต้นทุนวัตถุดิบต่างๆ เพื่อให้พิจารณาการดำเนินนโยบายอย่างเหมาะสมที่สุด พร้อมอยากให้รัฐบาลชุดใหม่มีเสถียรภาพเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้แบรนด์กระดาษเช็ดปาก ดูนิ จากสวีเดน ได้เข้ามาจัดตั้งโรงงานในไทย ตั้งแต่ปี 2559 ในรูปแบบเข้ามาร่วมถือหุ้นในบริษัทไทยคือ “เทอริเนกซ์สยาม” สัดส่วน ดูนิ จากกลุ่มสวีเดน 60% และไทย 40% ซึ่งมีพื้นที่โรงงานรวม 5 ไร่ จัดตั้งอยู่ที่บางพลีใหญ่ จ.สมุทรปราการ ซึ่งมูลค่าการลงทุนในไทย ตั้งแต่ปีแรกรวมถึงแผนต่อเนื่องในปี 2567 มีมูลค่าการลงทุนรวมในไทยประมาณ 1,000 ล้านบาท