พาณิชย์เล็ง ‘ทบทวน’ เป้าหมายการส่งออก

สถานการณ์การส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกอาจยังไม่สดใสนัก แต่ครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น โดยปัญหาสถาบันการเงินในสหรัฐล้มเป็นปัญหาแทรกซ้อนขึ้นมาจากเศรษฐกิจโลก

อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ระบุ สถานการณ์การส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกอาจยังไม่สดใสนัก แต่ครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น โดยปัญหาสถาบันการเงินในสหรัฐล้มเป็นปัญหาแทรกซ้อนขึ้นมาจากเศรษฐกิจโลก จึงต้องมีการหารือพูดคุยกับภาคเอกชนเพิ่ม โดยภาคเอกชนพร้อมที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนข้อมูลแลกเปลี่ยนใกล้ชิด ซึ่งกรมฯ ได้เร่งทำกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ จะเรียกประชุมผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ หรือ ทูตพาณิชย์ประเมินตัวเลขการส่งออกอีกครั้ง ซึ่งเวลานี้ในแต่ละตลาดเริ่มมีการทบทวนประเด็นที่จะส่งผลกระทบกับการส่งออกแล้ว แต่ขณะนี้ตัวเลขการส่งออกในภาพรวมยังคงไว้ 1-2%

สำหรับแนวโน้มการส่งออกช่วงไตรมาส 2/2566 ยังมีหลายปัจจัยกดดันจากความผันผวนของค่าเงิน ที่มีผลต่อการเจรจาซื้อขายล่วงหน้า หรือหลังตกลงแล้วอาจมีการขอให้ทบทวนราคา หากบาทไทยแข็งค่าเร็ว ซึ่งเอกชนมองค่าเงินบาทที่เหมาะสมอยู่ที่ 34-35 บาทต่อดอลลาร์ รวมถึงสงครามระหว่างประเทศ เหตุการณ์ประท้วงที่เห็นในหลายประเทศ ภูมิรัฐศาสตร์เปลี่ยนไป ความเชื่อมั่นระบบการเงินโลก หลังเกิดแบงก์ล้มในสหรัฐ และยังเฝ้าระวังในแถบยุโรป อาจเกิดการชะลอของการสั่งซื้อ มาตรการที่ไม่ใช่ภาษีที่จะเห็นการออกกฎระเบียบกันมากขึ้น โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม ลดคาร์บอน ซึ่งยุโรป สหรัฐ เริ่มใช้มากขึ้นในปีนี้ รวมถึงประเทศใหญ่ๆ เช่น จีนพึ่งพาในประเทศมากขึ้น ทั้งภาคผลิต อุตสาหกรรม การเกษตร ฯลฯ

ทั้งนี้ ภาคการส่งออกไทยกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนมากกว่าแบงก์ล้มในสหรัฐหรือการทำสงครามยืดเยื้อของ 2 ประเทศรัสเซียและยูเครน เพราะหากอัตราแลกเปลี่ยนไม่นิ่งการทำการค้าจะผันผวนตามไปด้วย ดังนั้น ผู้ส่งออกไทยจะต้องเร่งหาตลาดใหม่ ๆ ทดแทน โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเมล็ดพลาสติกกำลังประสบปัญหาทางจีนชะลอการนำเข้า เรื่องจากจีนผลิตได้เอง ทำให้สินค้ากลุ่มเมล็ดพลาสติกไทยจะต้องเร่งหาใหม่ทดแทน แต่กลุ่มสินค้าไทยที่ยังเติบโตต่อเนื่อง คือ อาหารสดและแปรรูปรวมถึงผลไม้ไทยยังมีความต้องการในตลาดโลกค่อนข้างมาก