'ประยุทธ์' ทิ้งทวน 4.2 หมื่นล้าน ดัน 'โปรเจ็กต์' พัฒนารายจังหวัด

'ประยุทธ์' ทิ้งทวน 4.2 หมื่นล้าน ดัน 'โปรเจ็กต์' พัฒนารายจังหวัด

ก.บ.น.เคาะแผนและโครงการของจังหวัด กลุ่มจังหวัด และส่วนราชการ ประจำปีงบฯ 67 รวมกว่า 1,700 โครงการ วงเงินรว 4.2 หมื่นล้าน สั่งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดทำงานเชิงรุก ขับเคลื่อนแผนงานโครงการ ให้บรรลุผลตามเป้าหมาย

อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุม คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ (ก.น.บ.) ครั้งที่ 1/2566 ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่าที่ประชุมเห็นชอบผลการพิจารณากลั่นกรองแผนและโครงการของจังหวัด กลุ่มจังหวัด และส่วนราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่ประกอบด้วย แผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. 2566 – 2570 ฉบับทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 รวมทั้งเห็นชอบแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด จำนวนรวม 1,747 โครงการ 41,903.4617 ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณที่เห็นควรสนับสนุนในกรอบวงเงิน จำนวน 1,346 โครงการ 29,314.5109 ล้านบาท และงบประมาณที่เห็นควรสนับสนุนเกินกรอบวงเงิน จำนวน 401 โครงการ 12,588.9508 ล้านบาท

ส่วนข้อเสนอโครงการของส่วนราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่สอดคล้องกับเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาภาค จำนวน 364 โครงการ โดยให้สำนักงบประมาณให้ความสำคัญและพิจารณาสนับสนุนงบประมาณต่อไป ส่วนการเปลี่ยนแปลงโครงการใหม่ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จำนวน 24 โครงการ 246,093,961.27 บาท

นายอนุชากล่าวว่าที่ประชุมได้วางนโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดทำเป้าหมายและทิศทางการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และการจัดทำแผนและโครงการของจังหวัด กลุ่มจังหวัด และส่วนราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – 2570 ประกอบด้วยส่วนที่สำคัญได้แก่ 1.นโยบาย หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำเป้าหมายการพัฒนาจังหวัด 20 ปี 

2.หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำวัตถุประสงค์และทิศทางการพัฒนาในอนาคตของกลุ่มจังหวัด 3.นโยบาย หลักเกณฑ์ วิธีการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด และแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด พ.ศ. 2566 – 2570 ฉบับทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – 2570

4.หลักเกณฑ์การจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – 2570

5.แนวทางการกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – 2570 6.หลักเกณฑ์การปรับปรุงแผนปฏิบัติราชการประจำปี และการเปลี่ยนแปลงโครงการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 – 2570 7.การจัดทำร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ (ก.น.บ.)

\'ประยุทธ์\' ทิ้งทวน 4.2 หมื่นล้าน ดัน \'โปรเจ็กต์\' พัฒนารายจังหวัด

 

8. แนวทางการดำเนินการของส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. 2565 9.หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำข้อเสนอโครงการของส่วนราชการที่สอดคล้องกับเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาภาค พ.ศ. 2566 – 2570 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – 2570 และ 10.ปฏิทินการดำเนินงานภายใต้กลไก ก.น.บ. ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 – 2567

นอกจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ ในเรื่องต่างๆ ในการขับเคลื่อนงบประมาณกลุ่มจังหวัดในปี 2567 ได้แก่

1.ให้ความสำคัญกับการดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนาของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่มีความสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล โดยมุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนดำเนินงานเชิงรุกให้มากขึ้น และร่วมกันขับเคลื่อนแผนงานโครงการให้บรรลุเป้าหมาย โดยการดำเนินงานต้องมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้

2.ให้มีการบูรณาการแผนฯ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเกิดความคุ้มค่าและเหมาะสมตามความจำเป็น

3.ให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลการดำเนินงานในระยะที่ผ่านมา เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม

และ4.สื่อสารเกี่ยวกับการดำเนินงานพัฒนาให้ทุกภาคส่วนและประชาชนได้รับรู้และสร้างความเข้าใจร่วมกัน

 

“นายกรัฐมนตรียังเน้นย้ำถึงการจัดทำแผนงานโครงการต่าง ๆ ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดต้องมีการกลั่นกรองจากพื้นที่และให้ตรงกับความต้องการของพื้นที่และท้องถิ่น รวมทั้งดำเนินการให้สอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดให้คุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด โปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้ และมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันในเรื่องของการท่องเที่ยวต้องทำให้เกิดการเชื่อมโยงเมืองหลักและเมืองรอง รวมไปถึงการให้ความรู้และพัฒนาทักษะอาชีพให้กับคนในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่ไม่ได้เรียนจบหรือผ่านสถาบันการศึกษาในระดับปริญญา

แต่เป็นผู้ที่มีความรู้ความสารถและเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลต่าง ๆ ต้องพัฒนาสร้างอาชีพให้กับบุคคลเหล่านี้ให้มีอาชีพที่มั่นคง และมีรายได้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัวด้วยเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการเร่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์หรือกำลังคนในประเทศ เพื่อให้ทันกับสถานการณ์และรองรับการพัฒนาประเทศในอนาคต เพื่อให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ” นายอนุชา กล่าว