AWC เช็กฮวงจุ้ย "เอเชียทีค" ผุดตึกสูงระฟ้า 100 ชั้น เสริมพลังมหานคร "กรุงเทพ"

AWC เช็กฮวงจุ้ย "เอเชียทีค" ผุดตึกสูงระฟ้า 100 ชั้น เสริมพลังมหานคร "กรุงเทพ"

“วัลลภา” หัวเรือใหญ่แห่ง “AWC” ประกาศขึ้นตึกสูง 100 ชั้น สูงสุดในประเทศไทย ปักหมุดแลนด์มาร์กแห่งใหม่ภายใต้แผนลงทุน “เอเชียทีค เฟส 2” เสริมพลังกรุงเทพฯ ดึงดูดทัวริสต์จากทั่วโลก พร้อมทุ่ม 800 ล้านบาท ปรับคอนเซปต์ “เอเชียทีค เฟส 1” ครั้งใหญ่ รับท่องเที่ยวฟื้น

โครงการ “เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น” หนึ่งในแลนด์มาร์กทางการท่องเที่ยวชื่อดังริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในเครือตระกูลสิริวัฒนภักดี เปิดให้บริการครบรอบ 10 ปี ทางบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ซึ่งเป็นเจ้าของ มีแผนลงทุนยกระดับโครงการเอเชียทีคฯ อย่างต่อเนื่องในห้วงทศวรรษที่ 2 ก้าวสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้านไลฟ์สไตล์และศูนย์รวมความบันเทิงครบวงจรที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า ในช่วงทศวรรษที่ 2 ของโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น บริษัทเดินหน้าพัฒนาเฟส 2 ต่อเนื่อง ทั้งบนแปลงที่ดินฝั่งซ้ายของโครงการเอเชียทีค เฟส 1 (เมื่อหันหน้าไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา) ซึ่งมีขนาดเนื้อที่ 10 ไร่ ใช้เงินลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท ด้วยแนวคิด “รีเทล-เทนเมนต์” (Retail-tainment) เมื่อพัฒนาส่วนนี้แล้วเสร็จ จะทำให้โครงการเอเชียทีคมีหน้ากว้างที่ดินยาวถึง 400 เมตร เป็นทางเดินริมฝั่งแม่น้ำที่ยาวที่สุดในกรุงเทพฯ

AWC เช็กฮวงจุ้ย \"เอเชียทีค\" ผุดตึกสูงระฟ้า 100 ชั้น เสริมพลังมหานคร \"กรุงเทพ\"

 

++ ลุยขึ้นตึกสูง 100 ชั้น เสริมพลังกรุงเทพฯ

ส่วนแปลงที่ดินฝั่งขวา จะพัฒนาเมกะโปรเจคแบบมิกซ์ยูส สร้างตึกสูงระฟ้า 100 ชั้น ขนาดสูงที่สุดในประเทศไทย ให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ขณะนี้ทาง Adrian Smith + Gordon Gill Architecture (AS+GG) บริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมระดับนานาชาติจากสหรัฐ ซึ่งเชี่ยวชาญในการออกแบบอาคารสูงระดับโลก เช่น เบิร์จคาลิฟา นครดูไบ อยู่ระหว่างออกแบบตึกให้สามารถใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) จากลมได้ด้วยเพื่อรองรับเทรนด์ความยั่งยืน สร้างคุณค่าระยะยาว ส่วนภาพรวมดีไซน์ได้ปรับแบบจนได้คาแรกเตอร์ที่มีส่วนผสมของความเป็นไทย

ตามแผนลงทุนเฟส 2 ทั้งบนแปลงที่ดินฝั่งซ้ายและฝั่งขวา บริษัทต้องพัฒนาให้เสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดภายใน 10 ปีข้างหน้า

"สำหรับโครงการมิกซ์ยูสตึกสูงระฟ้า แรกเริ่มเราไม่ได้คิดว่าจะต้องสร้างให้เป็นตึกสูงที่สุดของประเทศไทย เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ก็อาจมีคนมาสร้างตึกสูงกว่าของเรา จึงอยากเน้นสร้างให้เป็นแลนด์มาร์กหรือไฮไลต์ด้านการท่องเที่ยวที่สวยงามและมองถึงคุณค่าของตัวโมเดลธุรกิจระยะยาวมากกว่า แต่ล่าสุดได้เช็กฮวงจุ้ยแล้ว ตึกสูง 100 ชั้นจะช่วยเสริมพลังแก่กรุงเทพฯ เมื่อต้องสร้างตึกสูง 100 ชั้น ทาง AWC ก็พร้อมสู้”

AWC เช็กฮวงจุ้ย \"เอเชียทีค\" ผุดตึกสูงระฟ้า 100 ชั้น เสริมพลังมหานคร \"กรุงเทพ\"

ด้านโครงการเอเชียทีค เฟส 3 บนเนื้อที่ 28 ไร่ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของถนนเจริญกรุง มีแนวคิดพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพแบบองค์รวม อาจพัฒนาแล้วเสร็จในช่วงทศวรรษที่ 3 ของเอเชียทีค

ส่วนโครงการเอเชียทีค เฟส 4 บนเนื้อที่อีก 29 ไร่บนถนนเจริญนคร ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ยังต้องรอการขยายของโครงสร้างพื้นฐานก่อน ถึงจะกลับมาพิจารณาลงทุนอีกครั้ง

 

++ ทุ่ม 800 ล้าน รีคอนเซ็ปต์ ‘เอเชียทีค เฟส 1’

นางวัลลภา กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุดบริษัทใช้เงินลงทุนมากกว่า 800 ล้านบาทเพื่อปรับคอนเซ็ปต์ครั้งใหญ่ของโครงการเอเชียทีค เฟส 1 ภายใต้แนวคิด All Day Everyday Happiness” เนรมิตแลนด์มาร์กทางการท่องเที่ยวด้านไลฟ์สไตล์ริมน้ำระดับโลก ให้เป็น “รีเทล-เทนเมนต์” ที่ผสมผสาน Living Museum & Art Festival แหล่งเรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรมในรูปแบบสร้างสรรค์ พร้อมเรื่องราวประวัติศาสตร์ของพื้นที่ที่ตั้งของเอเชียทีค รวมทุกประสบการณ์การท่องเที่ยวต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ด้วยการเติมแม่เหล็กใหม่ๆ ดึงดูดทราฟฟิก หนึ่งในไฮไลต์คือ “ดิสนีย์ 100 วิลเลจ” (Disney 100 Village) พร้อมขยายเวลาเปิดปิดตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เวลา 10.00-24.00 น. จากเดิมเปิดเฉพาะช่วงเย็นเป็นต้นไป อำนวยความสะดวกเรื่องเที่ยวเรือรับส่งนักท่องเที่ยวจากท่าเรือสะพานตากสิน และขยายพื้นที่จอดรถภายในโครงการ

“บริษัทคาดว่าหลังจากปรับคอนเซ็ปต์เอเชียทีคครั้งใหญ่ จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาในช่วงสุดสัปดาห์ 7-8 หมื่นคนต่อวัน ช่วงวันธรรมดา 6 หมื่นคนต่อวัน โดยคาดว่าจะเป็นชาวไทยและชาวต่างชาติในสัดส่วนเท่ากันที่ 50% เพิ่มขึ้นจากทราฟฟิกปัจจุบันที่มีนักท่องเที่ยวมาเอเชียทีคในช่วงสุดสัปดาห์ 5 หมื่นคนต่อวัน และช่วงวันธรรมดา 3 หมื่นคนต่อวัน”

 

++ เปิดตัว “ดิสนีย์ 100 วิลเลจ” 24 มี.ค.

สำหรับการปรับคอนเซ็ปต์ครั้งใหญ่ ประกอบด้วย 3 ประสบการณ์สำคัญ ได้แก่

1. FESTIVAL VILLAGE  ไฮไลต์แลนด์มาร์กและงานแสดงระดับสากลที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ อาทิ Asiatique Sky ชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยความสูง 60 เมตร, Merry-Go-Round ม้าหมุนแสนสนุก, Mystery Mansion บ้านผีสิง และการแสดงที่มีชื่อเสียงอย่างคาลิปโซ่ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมผจญภัย เช่น Treetop Adventure และ Zipline to The River

อีกไฮไลต์สำคัญคือ DISNEY 100 VILLAGE ดึงนักท่องเที่ยวสัมผัสประสบการณ์งานแสดงพิเศษ (Special Pop-Up Event) เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีดิสนีย์ เพื่อให้ทุกคนและแฟนคลับดิสนีย์ในประเทศไทยชื่นชม ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. - 31 ก.ค.2566 โดยจะมีโซนงานแสดงหลากหลายธีมให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับเรื่องราวเหนือกาลเวลากว่า 100 ปี และตัวละครอันโด่งดัง ประกอบด้วย 5 โซนหลัก ได้แก่ Disney, Pixar, Marvel, Star Wars และ Princess Zone รวบรวมตัวละครเจ้าหญิงดิสนีย์ นักท่องเที่ยวสามารถซื้อบัตรผ่านไทยทิคเก็ตเมเจอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.นี้เป็นต้นไป

 

++ จีบ ‘สตรีทฟู้ด’ เจ้าดัง เพิ่มทราฟฟิกทัวริสต์

2. LARGEST FOOD AND BEVERAGE SELECTION สร้างแหล่งรวมร้านอาหารอร่อยจากทั่วกรุงเทพ ไปจนถึงอาหารสตรีทฟู้ดจากทั่วทุกภาคมารวมกันที่โกดัง 1 และ 2 ขณะนี้อยู่ระหว่างสรุปจำนวนร้านค้าเข้าร่วม ซึ่งจะเป็นผู้เช่าใหม่ทั้งหมด และจะเน้นให้แต่ละรายขายเมนูอาหารแบบไม่ซ้ำกัน ยกเว้น เมนูผัดไทย ที่อาจจะให้มี 2 รายเข้ามาขาย เพราะมีจุดขายแตกต่างกันตรงที่ร้านหนึ่งเป็นผัดไทยแบบคลาสสิก ส่วนอีกร้านเป็นผัดไทยแบบเครื่องแน่น นอกจากนี้ยังมี Big C ห้างค้าปลีกที่ครบครันด้วยสินค้ามากมายมาร่วมสร้างสีสันในพื้นที่ ขนาด 2,000 ตารางเมตร โดยจะรวบรวมขนมและของฝากยอดฮิตสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวมาไว้ที่นี่

นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารระดับพรีเมียมมาตรฐานโรงแรมชั้นนำระดับโลก เช่น เรือสิริมหรรณพ และห้องอาหารเดอะคริสตัลล์กริลล์เฮาส์ ขณะเดียวกันเตรียมเปิดสยามทีรูมในวันที่ 24 มี.ค.นี้ เพื่อนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายให้นักชิมได้เลือกสรร ชูจุดเด่นของร้านอาหารและเครื่องดื่มที่เรียงรายตามแนวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาบนพื้นที่ยาวกว่า 300 เมตร สร้างสุนทรียภาพทางการรับประทานอาหารกับทัศนียภาพของคุ้งน้ำเจ้าพระยาที่งดงาม

 

++ เกาะเทรนด์ไลฟ์สไตล์ ดึงผู้คนพบปะสังสรรค์

และ 3. LIFESTYLE MARKET แหล่งไลฟ์สไตล์แฮงค์เอาต์แห่งใหม่ สำหรับทุกคนในครอบครัวที่พร้อมต้อนรับทุกการพบปะสังสรรค์ ด้วยการร่วมมือกับบริษัท Mad Face และ Made by Legacy จัด “Lifestyle Market” ที่จะเป็นชุมชนของกลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยง กลุ่มที่ชอบตกแต่งบ้านและสวน และกลุ่มที่ชอบของวินเทจ โดยกิจกรรมสุดสร้างสรรค์จะผันเปลี่ยนไปตามเทศกาลและฤดูกาลต่างๆ ทั้งงานดนตรี ชอปปิง ศิลปะ สินค้าวินเทจ รวมถึงสุขภาพและอาหารตลอดปี เพื่อให้เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์ของทุกเจเนอเรชันในที่เดียว

ทั้งนี้ โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ยังได้ริเริ่มกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งเสริมความยั่งยืน เพื่อสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน อาทิ การร่วมมือกับบริษัท Miniwiz ติดตั้งเครื่อง Trashpresso ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ โดยเครื่องนี้จะรีไซเคิลขยะพลาสติกให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่คูลๆ มีมูลค่าเพิ่ม และสามารถใช้ประโยชน์ได้ โดยลูกค้าสามารถมาสนุกและได้ความรู้เรื่องรีไซเคิลไปพร้อมๆ กัน รวมถึงการจัดสรรพื้นที่ที่ Heritage Lounge ในเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น เพื่อให้ชุมชนสามารถเข้ามาใช้พื้นที่ทำกิจกรรมการสร้างทักษะการเรียนรู้เรื่องศิลปะวัฒนธรรม รวมทั้งภูมิปัญญาของชุมชนต่างๆ ที่หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไป

AWC เช็กฮวงจุ้ย \"เอเชียทีค\" ผุดตึกสูงระฟ้า 100 ชั้น เสริมพลังมหานคร \"กรุงเทพ\"