เงินเฟ้อเดือนแรกของปี 2566 ต่ำสุดในรอบ 9 เดือน

เงินเฟ้อเดือนแรกของปี 2566  ต่ำสุดในรอบ 9 เดือน

พาณิชย์ เผย เงินเฟ้อ ม.ค.2566 เท่ากับ 108.18 สูงขึ้น 5.02 % แต่ชะลอตัวลงอยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน จากราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานและอาหารสดที่ลดลง คาดเดือน ก.พ.เงินเฟ้อจะลดลงอีก

นายวิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เงินเฟ้อ ม.ค.2566 เท่ากับ 108.18 สูงขึ้น 5.02 % ชะลอตัวจากเดือนธ.ค. 2565 ที่สูงขึ้น 5.89 %อยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน ตามการชะลอตัวของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานและอาหาร ขณะที่อุปสงค์ในประเทศปรับตัวดีขึ้นจากภาคการท่องเที่ยว เทศกาลปีใหม่ และตรุษจีน ส่งผลให้การใช้จ่ายคึกคักกว่าปีที่ผ่านมา

ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก สูงขึ้น 3.04 % ชะลอตัวเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่สูงขึ้น 3.23 % ตามต้นทุนการผลิตที่ยังอยู่ในระดับสูง

เงินเฟ้อเดือนแรกของปี 2566  ต่ำสุดในรอบ 9 เดือน

ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น  5.02 %เป็นการสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวของสินค้าในหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น3.18 %  ตามราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นทุกประเภท ค่าไฟฟ้า และก๊าซหุงต้ม รวมทั้งค่าโดยสารสาธารณะ และหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 7.70 % โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูป เช่น กับข้าวสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว ข้าวแกง ข้าวกล่อง อาหารเช้า ผักและผลไม้สด เช่น ต้นหอม มะเขือ ผักบุ้ง แตงโม ส้มเขียวหวาน มะม่วง ข้าวสาร และไข่ไก่

สาเหตุสำคัญยังคงเป็นต้นทุนที่อยู่ระดับสูง และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลและวันหยุดยาว ตามสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยที่ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ สำหรับสินค้าที่ราคาลดลง อาทิ เนื้อสุกร จากปริมาณที่มีเพียงพอต่อความต้องการ ผักสดและผลไม้บางชนิด เช่นขิง ถั่วฝักยาว พริกสด แครอท ทุเรียน

เงินเฟ้อเดือนแรกของปี 2566  ต่ำสุดในรอบ 9 เดือน

 

นายวิชานัน  กล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อเดือนก.พ. 2566 คาดว่าจะขยายตัวในอัตราที่ลดลง ปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อขยายตัวยังคงเป็นราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า และก๊าซหุงต้ม ที่ส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเงินเฟ้อ และราคาสินค้าในกลุ่มอาหารที่ปรับสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิตที่ยังอยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งค่าวัตถุดิบ ค่าขนส่ง และค่าจ้างแรงงาน ประกอบกับอุปสงค์ในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นจากภาคการท่องเที่ยว และนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว ซึ่งจะทำให้ความต้องการบริโภคโดยรวมและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงชะลอตัว และเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าของไทยลดลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่กดดันให้อัตราเงินเฟ้อของไทยไม่สูงมากนัก

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2566 อยู่ระหว่าง 2.0 – 3.0 % ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจของไทย และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จะมีการทบทวนอีกครั้ง

สำหรับเงินเฟ้อไทยเมื่อเทียบกับ เงินเฟ้อต่างประเทศ  ข้อมูลล่าสุด ณ เดือนธ.ค. 2565  พบว่า อัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ในระดับที่ดีกว่าหลายเขตเศรษฐกิจ อาทิ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร อิตาลี และเม็กซิโก รวมถึงประเทศในอาเซียน ลาว ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ โดยเงินเฟ้อไทยต่ำเป็นอันดับที่ 32 จาก 129 เขตเศรษฐกิจที่มีการประกาศตัวเลข ส่วนอัตราเงินเฟ้อไทยเฉลี่ยทั้งปี 2565 สูงขึ้น 6.08 % ต่ำเป็นอันดับที่ 33 จาก 129 เขตเศรษฐกิจที่มีการประกาศตัวเลข