ประเด็นสำคัญในกฎหมายหุ้นส่วนบริษัทที่แก้ไขใหม่

ประเด็นสำคัญในกฎหมายหุ้นส่วนบริษัทที่แก้ไขใหม่

ห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดเป็นองค์กรทางธุรกิจตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อแสวงหากำไร องค์กรเหล่านี้มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ

อย่างไรก็ตาม กฎหมายว่าด้วยหุ้นส่วนและบริษัทที่ใช้บังคับอยู่ บางมาตราไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้จึงมีการตราพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 23) พ.ศ.2565 โดยจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ.2566

ประเด็นสำคัญที่แก้ไขใหม่มีดังต่อไปนี้

1.จำนวนขั้นต่ำของผู้เริ่มก่อการ

ในการจัดตั้งบริษัทจำกัด มาตรา 1097 เดิม กำหนดให้มีผู้เริ่มก่อการอย่างน้อย 3 คน จัดทำหนังสือบริคณห์สนธิและนำหนังสือบริคณห์สนธิไปจดทะเบียน ส่วนมาตรา 1097 ที่แก้ไขใหม่ บัญญัติลดจำนวนขั้นต่ำของผู้เริ่มก่อการเป็น 2 คน ซึ่งจะมีผลทำให้ผู้ประกอบการสามารถจัดตั้งบริษัทได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น และยังส่งผลดีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอีกด้วย

2.การสิ้นผลของหนังสือบริคณห์สนธิ

หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิเดิม กำหนดให้หนังสือบริคณห์สนธิสิ้นผล หากผู้เริ่มก่อการไม่ได้จดทะเบียนบริษัทภายใน 10 ปีนับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ

ส่วนกฎหมายใหม่ได้บัญญัติลดระยะเวลาที่หนังสือบริคณห์สนธิสิ้นผลลง โดยกำหนดในมาตรา 1099 วรรคสอง ว่าให้หนังสือบริคณห์สนธิสิ้นผล ถ้าไม่ได้จดทะเบียนบริษัทภายใน 3 ปีนับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ

บทบัญญัติใหม่นี้จะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่ต้องการใช้ชื่อบริษัทเป็นชื่อเดียวกับบริษัทที่จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิไว้ก่อนหน้าแล้วหนังสือบริคณห์สนธินั้นเกิดสิ้นผล

ประเด็นสำคัญในกฎหมายหุ้นส่วนบริษัทที่แก้ไขใหม่

3.ใบหุ้นต้องมีการประทับตราบริษัท (ถ้ามี) 

มาตรา 1128 วรรคหนึ่งเดิม บัญญัติเพียงว่าใบหุ้นทุกใบต้องมีกรรมการลงลายมือชื่ออย่างน้อยหนึ่งคน ส่วนมาตรา 1128 วรรคหนึ่งที่แก้ไขใหม่ได้กำหนดเพิ่มเติมว่า ต้องมีการประทับตราของบริษัทในใบหุ้นด้วย (ถ้ามี) เห็นได้ว่ากฎหมายใหม่ช่วยเพิ่มความชัดเจน และเป็นการช่วยยืนยันว่าบริษัทได้ออกใบหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นจริง

4.วิธีการประชุมกรรมการ 

ในเรื่องวิธีการประชุมกรรมการ มีการบัญญัติเพิ่มเติมมาตรา 1162/1 ที่ให้ดำเนินการประชุมกรรมการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ โดยกรรมการไม่จำเป็นต้องปรากฏตัวในที่ประชุม เว้นแต่มีการกำหนดห้ามในข้อบังคับของบริษัท เห็นได้ว่าบทบัญญัตินี้ส่งเสริมให้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินการประชุม ซึ่งจะช่วยลดภาระและค่าใช้จ่ายให้กับเอกชน

5.คำบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่

ในเรื่องการส่งคำบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น มาตรา 1175 วรรคหนึ่งเดิม บัญญัติให้ลงประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์ และส่งไปรษณีย์ตอบรับไปยังผู้ถือหุ้นทุกคนที่มีชื่อในทะเบียนของบริษัทก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่า 7 วัน

ส่วนมาตรา 1175 วรรคหนึ่งที่แก้ไขใหม่ กำหนดวิธีการบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่เป็น 2 กรณีตามชนิดของใบหุ้น ในกรณีผู้ถือหุ้นชนิดระบุชื่อ มีการลดขั้นตอนการลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์

ส่วนกรณีผู้ถือหุ้นชนิดผู้ถือ มีการเพิ่มช่องทางในการส่งคำบอกกล่าวเรียกประชุมคือใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงวิธีส่งคำบอกกล่าวข้างต้นนั้นเหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน และยังเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายอีกด้วย

6.องค์ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น 

มาตรา 1178 เดิม กำหนดเกี่ยวกับองค์ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น ว่าต้องมีจำนวนหุ้น 1 ใน 4 แห่งทุนของบริษัท โดยไม่ได้กำหนดจากจำนวนผู้ถือหุ้นที่เข้าประชุมแต่อย่างใด ส่วนมาตรา 1178 ที่แก้ไขใหม่ ได้บัญญัติเพิ่มเติมจากเดิมว่า ต้องมีจำนวนผู้ถือหุ้นหรือผู้รับมอบฉันทะจากผู้ถือหุ้นเข้าประชุมไม่น้อยกว่า 2 คน

บทบัญญัติใหม่นี้ช่วยสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับจำนวนองค์ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นให้มากขึ้น และยังช่วยคุ้มครองสิทธิของผู้ถือหุ้นให้เป็นไปอย่างเป็นธรรม

ประเด็นสำคัญในกฎหมายหุ้นส่วนบริษัทที่แก้ไขใหม่

7.ระยะเวลาในการจ่ายเงินปันผลให้แล้วเสร็จ 

บทบัญญัติเกี่ยวกับการจ่ายเงินปันผลเดิม ไม่มีการกำหนดถึงเวลาในการจ่ายเงินปันผลว่าต้องทำให้แล้วเสร็จเมื่อใด ด้วยเหตุนี้จึงมีการแก้ไขมาตรา 1201 วรรคสี่ โดยกำหนดให้บริษัทต้องดำเนินการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นให้เสร็จสิ้นภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่หรือกรรมการลงมติแล้วแต่กรณี ซึ่งบทบัญญัติที่แก้ไขใหม่จะช่วยคุ้มครองสิทธิของผู้ถือหุ้นในการได้รับเงินปันผลให้มากขึ้น

8.การควบรวมบริษัทจำกัด

กฎหมายเดิมกำหนดผลของการควบบริษัทไว้ดังนี้ คือทำให้บริษัทเดิมสิ้นสภาพ และเกิดเป็นบริษัทใหม่ขึ้นมาแทนที่ในทุกกรณี ส่วนกฎหมายใหม่ได้ยกเลิกบทบัญญัติเดิม และเพิ่มเติมใหม่โดยใช้ชื่อบทบัญญัติว่า

“ส่วนที่ 9 การควบบริษัทจำกัดเข้ากัน” โดยมาตรา 1238 ที่แก้ไขใหม่ กำหนดให้บริษัทควบรวมกันได้โดยใช้มติพิเศษ และผลของการควบบริษัทเป็นไปในลักษณะหนึ่งลักษณะใดต่อไปนี้ คือ

บริษัทตั้งแต่ 2 บริษัทขึ้นไปทำการควบรวมเป็นบริษัทใหม่ โดยบริษัทที่มาควบรวมต่างหมดสภาพการเป็นนิติบุคคล หรือบริษัทตั้งแต่ 2 บริษัทขึ้นไปทำการควบรวม โดยให้บริษัทหนึ่งคงสภาพการเป็นนิติบุคคลไว้ และบริษัทอื่นที่เข้ามาทำการควบรวมหมดสภาพการเป็นนิติบุคคล

บทบัญญัติเกี่ยวกับหุ้นส่วนและบริษัทที่แก้ไขใหม่ได้มีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์หลายประการ ทั้งนี้ก็เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาของเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความคล่องตัวให้กับภาคเอกชน

ที่สำคัญบทบัญญัติใหม่ยังช่วยปกป้องสิทธิของผู้ถือหุ้น ให้ได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น และท้ายสุดก็จะนำไปสู่การเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจต่อไป.