หุ้นอเมซอนดิ่งหนักปีนี้ มูลค่าตลาดหายกว่าครึ่ง-หลุดระดับล้านล้านดอลล์

หุ้นอเมซอนดิ่งหนักปีนี้ มูลค่าตลาดหายกว่าครึ่ง-หลุดระดับล้านล้านดอลล์

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่าเมื่อวานนี้ (29 ธ.ค.) ว่า ปี 2565 นับว่าเป็นปีที่เลวร้ายสำหรับหุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ทั้งตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นอเมซอน

หุ้นอเมซอนปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในปีนี้นับตั้งแต่เกิดวิกฤตภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ดอตคอมแตก (dot-com crash) โดยราคาหุ้นดิ่งลง 51% แล้วในปีนี้ ซึ่งเป็นการร่วงลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2543 ซึ่งเคยดิ่งลงถึง 80%

ในบรรดาบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูงที่สุดนั้น หุ้นของบริษัทเทสลา และหุ้นของบริษัทเมตายิ่งปรับตัวแย่ลงในปีนี้ โดยหุ้นเทสลาดิ่งลง 68% และหุ้นเมตาทรุดลง 66%

มูลค่าตลาด (market cap) ของแอมะซอนร่วงลงเหลือประมาณ 8.34 แสนล้านดอลลาร์ จาก 1.7 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อช่วงต้นปี และแอมะซอนได้หลุดจากกลุ่มบริษัทที่มีมูลค่าตลาดหลักล้านล้านดอลลาร์เมื่อเดือนที่แล้ว

ภาวะที่เลวร้ายส่วนใหญ่ของแอมะซอนนั้นเกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมมหภาค (macro environment) โดยอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นได้ผลักดันให้นักลงทุนขายทิ้งหุ้นกลุ่มเติบโต และหันไปลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีอัตรากำไรสูง, มีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง

นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีเหตุผลอื่น ๆ ในการเทขายหุ้นอเมซอน เนื่องจากบริษัทกำลังเผชิญกับยอดขายที่ชะลอตัว ขณะที่การคาดการณ์ที่ว่าธุรกิจอี-คอมเมิร์ซจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องหลังยุคโควิดนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นแต่อย่างใด โดยในช่วงที่โควิดแพร่ระบาดอย่างหนักนั้น ผู้บริโภคต้องพึ่งพาบรรดาผู้ค้าปลีกออนไลน์อย่างอเมซอนสำหรับการสั่งซื้อสินค้าตั้งแต่กระดาษชำระ หน้ากากอนามัย ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นของอเมซอนพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากยอดขายพุ่งสูงขึ้น

เมื่อมีการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง ผู้บริโภคก็ค่อย ๆ เริ่มกลับไปจับจ่ายใช้สอยกันในร้านค้า และใช้จ่ายไปกับการท่องเที่ยวและร้านอาหาร ส่งผลให้การเติบโตของรายได้ที่น่าประทับใจของแอมะซอนนั้นชะลอตัวลง

ทั้งนี้ สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่ลงนับตั้งแต่เริ่มต้นปี เนื่องจากบริษัทต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งสงครามในยูเครน และภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน

นายแอนดี แจสซี ซีอีโอของแอมะซอนซึ่งเข้ารับตำแหน่งต่อจากนายเจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งอเมซอนเมื่อเดือนก.ค. 2564 นั้น ยอมรับว่า บริษัทจ้างพนักงานมากเกินไปและสร้างเครือข่ายคลังสินค้ามากเกินไป เนื่องจากต้องการเร่งรับมือกับความต้องการของผู้บริโภคในช่วงที่โรคโควิดแพร่ระบาด และนับตั้งแต่นั้นบริษัทก็ได้ยุติหรือยกเลิกแผนการเปิดคลังสินค้าใหม่ และจำนวนพนักงานลดลงในไตรมาส 2