ธนารักษ์จ่อขยับราคาประเมิน ‘ที่ดิน’ เพิ่ม 8.9%

“ธนารักษ์” เตรียมประกาศราคาที่ดินใหม่ปี 66-69 เผยราคาเฉลี่ยเพิ่ม 8.93% โดยพื้นที่ “สีลม” ยังครองแชมป์ราคาสูงสุด ขณะ “วิทยุ” พุ่งขึ้น 100% แตะตารางวาละ 1 ล้าน พบประชาชนแบ่งที่ดินเป็นรายแปลงกว่า 2.4 ล้านแปลง เพื่อเลี่ยงการจัดเก็บภาษี

กรมธนารักษ์ เตรียมประกาศราคาประเมินที่ดินใหม่ เพื่อใช้อ้างอิงสำหรับการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายกำหนดในรอบปี 2566-2569 โดยการประกาศราคาครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในรอบ3ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2563 ที่กรมฯไม่ได้ประกาศราคาประเมินที่ดินใหม่ โดยให้ใช้ราคาประเมินที่ดินในช่วงปี 2559-2562 เนื่องจากต้องการช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชนอันเนื่องจากสถานการณ์โควิด
นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า ราคาประเมินที่ดินใหม่ในรอบปี 2566-2569 นั้น ได้ปรับขึ้นจากฐานปี 2559-2562 เฉลี่ยประมาณ 8.93% ขณะที่ ราคาปรับเพิ่มสูงสุดจะเป็นพื้นที่บริเวณเขตถนนวิทยุ โดยปรับขึ้นถึง100% จากราคาประเมินที่ 5 แสนบาทต่อตารางวา เป็น 1 ล้านบาทต่อตารางวา เนื่องจากเป็นย่านธุรกิจ รองลงมาเป็นพื้นที่บริเวณเขตห้วยขวาง ราคาประเมินปรับขึ้นกว่า 21% เพราะมีรถไฟฟ้าตัดผ่าน ส่วนพื้นที่บริเวณถนนสีลมนั้น ยังเป็นพื้นที่ที่มีราคาประเมินสูงสุดที่กว่า 1 ล้านบาทต่อตารางวา แต่ราคาประเมินไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก

เขากล่าวด้วยว่า ในช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐบาลประกาศใช้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ทำให้รูปแบบที่ดินเปลี่ยนแปลงไป โดยเปลี่ยนจากรายบล็อกเป็นรายแปลงเพิ่มมากขึ้นใน 65 จังหวัด จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 31 ล้านแปลง เป็น 33.4 ล้านแปลง เนื่องจาก ผู้ถือครองที่ดินได้แบ่งที่ดินเป็นรายแปลง เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีดังกล่าว ทำให้ราคาประเมินมีความคลาดเคลื่อนไป ดังนั้น กรมฯจึงต้องทำการประเมินราคาที่ดินใหม่ให้สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งขณะนี้ กรมฯได้ทำการประเมินราคาที่ดินใหม่เรียบร้อยแล้ว
“ประชาชนต้องการลดภาระภาษีที่ต้องจ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เนื่องจาก ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กำหนดให้จ่ายภาษีตามมูลค่าที่ดิน เป็นขั้นบันได กล่าวคือ ราคาที่ดินสูงจะเสียภาษีสูงกว่าราคาที่ดินที่ต่ำกว่า”

สำหรับอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปี 2566 นั้น กำหนดว่า 
1. การประกอบเกษตรกรรม อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบัน 0.01-0.1%
2. ที่อยู่อาศัย อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบัน 0.02-0.1%
2.1 ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบัน 0.03-0.1%
2.2 สิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาใช้เป็นที่อยู่อาศัยและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบัน 0.02-0.1%
2.3 ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัยกรณีอื่นนอกเหนือจาก 2.1 และ 2.2 อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบัน 0.02-0.1%
3. การใช้ประโยชน์อื่นนอกเหนือจากข้อ 1 และข้อ 2 (เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม) อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบัน 0.3-0.7%
4. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบัน 0.3-0.7%
ทั้งนี้ สำหรับบ้านและที่ดินที่เป็นบ้านหลังหลักหรือบ้านหลังแรก ที่มีมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี, ส่วนที่ดินเพื่อเกษตรกรรมที่เจ้าของเป็นบุคคลธรรมดา ที่มีมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นเช่นกัน

สำหรับทำเลราคาที่ดินในกรุงเทพฯ ที่มีราคาสูงสุดในรอบปีบัญชี 66-69 นั้น 
อันดับ 1 คือ ถนนสีลม (ช่วงพระรามที่ 4 -นราธิวาสราชนครินทร์) ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดมาตั้งแต่รอบปี 59-92 ราคาอยู่ที่ 1,000,000 บาทต่อตารางวา 
ส่วนที่ขยับเพิ่มมาใหม่ คือ ถนนเพลินจิต (ช่วงราชดำริ - ทางพิเศษเฉลิมมหานคร),ถนนพระรามที่ 1 (ช่วงราชดำริ - พญาไท) ถนนวิทยุ (ช่วงพระรามที่ 4 - เพลินจิต) และถนนวิทยุ (ช่วงเพลินจิต - คลองแสนแสบ ) ราคาอยู่ใหม่ที่ 1,000,000 บาทต่อตารางวาเช่นกัน
รองลงมา คือ ถนนราชดำริ (ช่วงเพลินจิต - คลองแสนแสบ) ราคา 900,000 บาทต่อตารางวา 
ถนนสาทร (ช่วงพระรามที่ 4 - ถนนสุรศักดิ์,ถนนเจริญราษฎร์) ราคา 800,000 บาทต่อตารางวา ถนนสุขุมวิท (ช่วงทางพิเศษเฉลิมมหานคร - แยกอโศกมนตรี) ราคา 750,000 บาทต่อตารางวา และ ถนนเยาวราช ราคา 700,000 บาทต่อตารางวา
สำหรับทำเลที่มีการเพิ่มขึ้นสูงสุด คือ ถนนวิทยุ (ช่วงพระรามที่ 4 - เพลินจิต) จากเดิมรอบปีบัญชี 59-62 ที่อยู่ที่ 500,000 บาทต่อตารางวา เพิ่มขึ้นเป็น 1,000,000 บาทต่อตารางวา หรือ 100% เนื่องจาก เป็นถนนย่านเศรษฐกิจที่กำลังกลับมาบูม ขณะที่ ราคาที่ดินเฉลี่ยเพิ่มขึ้นสูงสุดใน กทม. คือ เขตห้วยขวาง เพิ่มขึ้น 21.46% เนื่องจากมีรถไฟฟ้าสายสีส้มเพิ่มเข้ามาในพื้นที่