ไทยขอสหรัฐปลดไทยออกจากบัญชี Watch Listด้านทรัพย์สินทางปัญญา

ไทยขอสหรัฐปลดไทยออกจากบัญชี Watch Listด้านทรัพย์สินทางปัญญา

”จุรินทร์” ถกรัฐมนตรี USTR สหรัฐ ช่วงประชุมเอเปค ขอช่วยปลดไทยจากบัญชีประเทศถูกจับตามอง(WL) ด้านทรัพย์สินทางปัญญา ลั่น!พร้อมร่วมมือกับสหรัฐในเวที อินโด-แปซิฟิก เตรียมถก TIFA ขยายความร่วมมือการค้าต่อเนื่อง

นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยภายหลังการหารือทวิภาคีกับ กับ นางแคทเธอรีน ไท ผู้แทนการค้า สหรัฐอเมริกา (United States Trade Representative: USTR)  ว่า ตนได้ขอให้สหรัฐฯพิจารณาปลดประเทศไทยออกจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองหรือWatch List ด้านทรัพย์สินทางปัญญา เพราะสถานการณ์ปัจจุบันไทยให้ความสำคัญกับทรัพย์สินทางปัญญาในทุกด้านถือว่ามีพัฒนาการที่ดีขึ้นในระดับที่ดีมาก อีกทั้ง กรมทรัพย์สินทางปัญญา ยังได้ทำงานใกล้ชิดกับสหรัฐ  ซึ่งสหรัฐจะมีการพิจารณาเรื่องในเดือนเม.ย.ปี 66  โดยทางสหรัฐรับปากว่าจะพิจารณาเรื่องนี้

“ขณะนี้ประเทศที่ยังติดบัญชี WL มีด้วยกัน 19 ประเทศ ซึ่งมีประเทศไทยอยู่ในนั้นหากสหรัฐฯพิจารณาปลดออกจากบัญชีนี้จะกลายเป็นประเทศที่ไม่อยู่ในบัญชี ทำให้สถานะประเทศไทยด้านการให้ความสำคัญกับทรัพย์สินทางปัญญาดูดีขึ้น และ มีภาพลักษณ์ทางการค้า ทางเศรษฐกิจ การลงทุนที่ดีขึ้นสำหรับหลายประเทศในโลกในอนาคตต่อไป” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว

ไทยขอสหรัฐปลดไทยออกจากบัญชี Watch Listด้านทรัพย์สินทางปัญญา

นอกจากนี้ยังได้มีการหารือถึงกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (Indo-Pacific Economic Framework: IPEF) มีความร่วมมือที่ได้กำหนดไว้ 4 เสาหลัก 1.การค้า  2.ห่วงโซ่อุปทานหรือ Supply Chain 3.พลังงานสะอาด 4.ปราศจากการทุจริต เพื่อสร้างเศรษฐกิจที่เป็นธรรมให้เกิดขึ้น  โดยทั้ง 4 เสาหลักนี้ประเทศไทยแสดงความจำนงเข้าร่วมก่อนหน้านี้แล้ว ในช่วงที่มีการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจเอเปค ซึ่งก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

นายจุรินทร์ กล่าวว่า  ที่ประชุมยังได้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นในความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับสหรัฐฯในทางการค้า ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยกับสหรัฐฯ มีกรอบความตกลงการค้าและการลงทุนไทย-สหรัฐฯ (Trade and Investment  Framework Agreement: TIFA) เห็นตรงกันว่าควรได้มีการจัดการประชุมที่สหรัฐฯในครั้งถัดไป เพราะครั้งล่าสุดประเทศไทยเป็นเจ้าภาพมาแล้ว ได้มีการประชุมเมื่อปี 62  แต่หยุดชะงักไปเพราะสถานการณ์โควิดที่ไม่เอื้ออำนวยคาดว่าจะเร่งให้เจ้าหน้าที่สรุปโดยเร็วโดยสหรัฐฯจะเป็นเจ้าภาพ

ทั้งนี้สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าลำดับที่ 3 ของไทย รองจากจีนและญี่ปุ่น ในปี 2565 (ม.ค.-ก.ย.)ไทยส่งออกไปสหรัฐ ขยายตัว 21.5  %  มูลค่า  50,000 ล้านดอลลาร์  สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปสหรัฐฯ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ  ผลิตภัณฑ์ยาง  เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ  เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ

 

///////////////////////////////