มองสามมหาเศรษฐีระดับโลก | ดร.ไสว บุญมา

มองสามมหาเศรษฐีระดับโลก | ดร.ไสว บุญมา

สามมหาเศรษฐีดูเหมือนจะแข่งกันสร้างข่าวใหญ่ในช่วงนี้ทั้งที่คงมิใช่ เรียงตามอายุได้แก่ เจฟฟ์ เบโซส (58) อีลอน มัสก์ (51) และแซม แบงค์แมน-ไฟรด์ (30)

เจฟฟ์ เบโซส เกิดที่รัฐนิวเม็กซิโกของสหรัฐจากพ่ออายุ 19 ปีและแม่อายุ 17 ปี หลังแยกกับสามีเมื่อลูกยังเล็ก แม่แต่งงานใหม่กับชายคิวบานามสกุลเบโซสซึ่งโยกย้ายเข้าไปตั้งตัวใหม่ในสหรัฐ เจฟฟ์จึงใช้นามสกุลของพ่อเลี้ยง

เจฟฟ์เรียนเก่งมากโดยจบปริญญาตรีด้านวิศวกรรมไฟฟ้าควบวิชาคอมพิวเตอร์ด้วยเกียรตินิยมสูงสุด หลังจากทำงานตำแหน่งต่าง ๆ ในหลายบริษัทอยู่ 6 ปี เขาออกมาก่อตั้งกิจการของตัวเองชื่อ “แอมะซอน” ซึ่งเริ่มต้นด้วยการขายหนังสือผ่านระบบอินเทอร์เน็ต

ด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและความสามารถชั้นเลิศ เขาสามารถขยายกิจการออกไปเป็นห้างสรรพสินค้าออนไลน์ได้อย่างรวดเร็วแล้วข้ามไปทำธุรกิจอื่น เช่น สื่อ บริการคอมพิวเตอร์ การเงิน เทคโนโลยีชีวภาพ และการท่องอวกาศ ธุรกิจเหล่านี้ประสบความสำเร็จสูง

มองสามมหาเศรษฐีระดับโลก | ดร.ไสว บุญมา

เจฟฟ์ เบโซส

ล่าสุดนิตยสารฟอร์บส์ประเมินว่าเขามีสินทรัพย์ราว 1.5 แสนล้านดอลลาร์ นับเป็นลำดับที่ 2 ของโลก เจฟฟ์ เบโซส เป็นข่าวใหญ่ในช่วงนี้เมื่อเขามอบรางวัลเป็นเงิน 100 ล้านดอลลาร์ให้แก่นักแสดงดอลลี พาร์ตัน ในฐานะเป็นผู้มีเมตตาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์มาเป็นเวลานาน หลังจากนั้นเขาประกาศว่าจะมอบทรัพย์สินส่วนใหญ่ให้กับกิจการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และพิทักษ์โลก

อีลอน มัสก์เกิดในครอบครัวมั่งคั่งในประเทศแอฟริกาใต้ เขามีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะไปแสวงหาโอกาสในสหรัฐ เนื่องจากแม่ของเขาเกิดในแคนาดา เขาจึงใช้เส้นทางนั้นโดยการไปเรียนมหาวิทยาลัยในแคนาดาแล้วโอนไปจบปริญญาตรีทางด้านฟิสิกส์และเศรษฐศาสตร์ในสหรัฐ  

เขามีความสนใจและวิสัยทัศน์กว้างไกลที่จะใช้เทคโนโลยีร่วมสมัยเพื่อสร้างกิจการใหม่ ๆ หลังจากฝึกงานกับบริษัทเทคโนโลยีอยู่ไม่นาน เขาจึงเริ่มก่อตั้งกิจการของตัวเองโดยใช้เทคโนโลยีเป็นฐานเพียงไม่นาน

เขาเริ่มประสบความสำเร็จจากกิจการทำแผนที่และส่งเงินออนไลน์ซึ่งเป็นฐานให้กิจการอื่นจนครอบคลุมหลายด้านรวมทั้งรถยนต์ การเงิน พลังงาน การขนส่ง ดาวเทียมและการท่องอวกาศ ล่าสุดนิตยสารฟอร์บส์ประเมินว่าเขามีสินทรัพย์ถึง 1.7 แสนล้านดอลลาร์ นับเป็นลำดับ 1 ของโลก

มองสามมหาเศรษฐีระดับโลก | ดร.ไสว บุญมา

อีลอน มัสก์

อีลอน มัสก์เป็นข่าวใหญ่ในช่วงนี้เนื่องจากเขาทุ่มทรัพย์ 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ซื้อสื่อสังคมทวิตเตอร์ พอซื้อเสร็จ เขาปลดผู้บริหารและพนักงานจำนวนมากออกทันที สร้างความไม่กระจ่างว่าเขาจะนำกิจการนั้นไปทางไหน หรือจะจงใจส่งเข้าสู่ภาวะล้มละลายเพื่อหลบหนีการจ่ายหนี้สิน  

แซม แบงค์แมน-ไฟรด์เกิดที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ทั้งพ่อและแม่เป็นศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัย หลังเรียนจบปริญญาตรีด้านฟิสิกส์ เขาทำงานกับกิจการด้านการเงินและด้านการกุศลอยู่ระยะหนึ่งก่อนที่จะก่อตั้งธุรกิจด้านการวิเคราะห์และการค้าอนุพันธ์ทางการเงินเมื่ออายุ 25 ปี ต่อด้วยการค้าขายและสร้างเงินตราดิจิทัล  

เนื่องจากในช่วงที่เขาก่อตั้งกิจการ ค่าของเงินตราดิจิทัลพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจากการเก็งกำไรของคนจำนวนมาก กิจการของเขาจึงเฟื่องฟู ก่อนที่จะมีเหตุการณ์ล่าสุด เขามีสินทรัพย์ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปของหุ้นส่วนในกิจการของเขาประเมินได้ราว  2.6 หมื่นล้านดอลลาร์

มองสามมหาเศรษฐีระดับโลก | ดร.ไสว บุญมา

แซม แบงค์แมน-ไฟรด์ 

แซม แบงค์แมน-ไฟรด์เป็นข่าวใหญ่ในช่วงนี้เนื่องจากกิจการของเขาประสบปัญหาสาหัสจนต้องเข้ากระบวนการล้มละลาย ส่งผลให้สินทรัพย์ของเขาสูญหายไปหมด เขาไม่ถึงกับเป็นขอทาน แต่ก็มิได้เป็นเศรษฐีหมื่นล้านอีกต่อไป

เรื่องราวของมหาเศรษฐี 3 คนนี้คงมองได้จากหลายด้าน อาจมองจากด้านเทคโนโลยีซึ่งเอื้อให้เกิดมหาเศรษฐีอย่างรวดเร็ว แต่ก็อาจถามว่าเพราะอะไร สองคนแรกใช้เทคโนโลยีสร้างความมั่งคั่งได้อย่างมั่นคง แต่คนหลังทำไม่ได้

คำถามนี้อาจตอบว่า สองคนแรกเริ่มจากการให้บริการแก่ผู้อื่นโดยตัวเองไม่ได้เข้าไปเป็นเจ้าของสิ่งที่ตนนำส่งไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือเงินตราซึ่งมีรัฐบาลค้ำประกัน ส่วนคนหลังขายการวิเคราะห์ทรัพย์สินซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเงินดิจิทัลพร้อมกับค้าขายทรัพย์สินนั้นเองตามด้วยการสร้างเงินดิจิทัลขึ้นมา  

สิ่งที่ตนค้าขายและสร้างขึ้นมาเป็นตัวเลขสมมติที่ไม่มีประกันซึ่งเป็นการเก็งกำไรและส่วนหนึ่งเป็นเสมือนความพยายามจับเสือมือเปล่า เขามิใช่คนเดียวที่สูญทรัพย์และถูกเสือกัดในช่วงนี้ยังมีอีกมาก เพียงแต่มิได้เป็นข่าวเยี่ยงเขาเท่านั้น