5 เทรนด์ขับเคลื่อนธุรกิจไทยในอนาคต | ธราธร รัตนนฤมิตศร

5 เทรนด์ขับเคลื่อนธุรกิจไทยในอนาคต | ธราธร รัตนนฤมิตศร

ยุคโควิดที่ผ่านมาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคและปรับตัวทางธุรกิจเกิดขึ้นมากมาย แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนในการผลักดันธุรกิจและเศรษฐกิจของไทยไปในอนาคตมี 5 แนวโน้มที่สำคัญ

แนวโน้มแรก

การเปลี่ยนสู่ดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ (The Rise of Digitalization) การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลของทุกภาคส่วนถูกเร่งตัวมากจากสถานการณ์โควิด-19 ประชาชนทั้งประเทศรวมถึงผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับดิจิทัลต้องปรับตัวมาใช้งานครั้งใหญ่ผ่านช่องทางดิจิทัล

ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของไทย นำไปสู่ความคุ้นชินกับพฤติกรรมออนไลน์แบบใหม่ที่จะดำเนินต่อเนื่องต่อไป 

ยุคดิจิทัลจะพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง เร่งด้วยเทคโนโลยี 4.0 โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ผ่าน Deep Learning และเทคโนโลยีบล็อคเชนที่คาดว่าจะส่งผลให้มีรูปแบบโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างสรรค์มูลค่าทางเศรษฐกิจจากเอไอ และเศรษฐกิจบน Web 3.0 

5 เทรนด์ขับเคลื่อนธุรกิจไทยในอนาคต | ธราธร รัตนนฤมิตศร

ควบคู่กันไปคือการเข้าสู่สังคมไร้เงินสด 100% ซึ่งปัจจุบันไทยมีปริมาณการโอนเงินทางดิจิทัลเพิ่มเป็น 9,610 ล้านรายการต่อปีหรือเพิ่มขึ้นกว่า 100 เท่าตัวจากสิบปีก่อน ทุกวันนี้เมื่อไปตามชนบทห่างไกลในประเทศไทย ก็จะเห็นการชำระเงินผ่านการสแกน QR Code เป็นเรื่องปกติ

ในอนาคตอาจมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่สังคมไร้เงินสดอย่างสมบูรณ์ ดังเช่นสวีเดนที่ได้เข้าสู่การเป็นสังคมไร้เงินสดเกือบสมบูรณ์โดยมีอัตราการใช้เงินสดเหลือเพียงแค่ 2%

แนวโน้มที่สอง

เปิดโลกใบใหม่สู่เมตาเวิร์ส (Welcome to the Metaverse) เมตาเวิร์สคือ การแบ่งปันสภาพแวดล้อมของโลกเสมือนจริงของผู้คนผ่านทางโลกดิจิทัล ถูกสร้างจากเทคโนโลยีโดยเฉพาะ VR, AR และ XR ทำให้ผู้คนมีปฏิสัมพันธ์ผ่าน Avatar สามมิติ

สามารถสร้างประสบการณ์ในการประชุม ดูคอนเสิร์ต เล่นเกม ดูภาพยนตร์ ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือสินค้าจริงในรูปแบบต่างๆ ผ่านการใช้เงินสกุลเงินคริปโต 

ที่ผ่านมา บริษัท Epic Games ขยายโลกเกม Fortnite ออกไปครอบคลุมกิจกรรมต่างๆ สามารถจัดคอนเสิร์ตของดีเจมาร์ชเมลโล่ ที่มีคนดูคอนเสิร์ตพร้อมกันในโลกเสมือนกว่า 10 ล้านคน บริษัท Roblox ซึ่งเป็นเกมแบบเมตาเวิร์สได้ร่วมกับบริษัทไนกี้

เพื่อสร้าง Nikeland ซึ่งใช้เป็นพื้นที่ทดสอบผลิตภัณฑ์ไนกี้ก่อนที่วางจำหน่ายในโลกจริง บิล เกตส์ คาดการณ์ว่าในการประชุมในอนาคตอันใกล้จะอยู่ภายใต้โลกสามมิติแบบเมตาเวิร์ส 

5 เทรนด์ขับเคลื่อนธุรกิจไทยในอนาคต | ธราธร รัตนนฤมิตศร

แนวโน้มที่สาม

คนรุ่นใหม่และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 2.0 (New Gen and Creative Economy 2.0) แนวโน้มการขยายตัวของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในท้องถิ่นที่เกิดจากการปรับตัวในยุคโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้หนุ่มสาวและคนทำงานย้ายกลับบ้านจำนวนมาก 

ทั้งจากการถูกเลิกจ้าง รวมถึงการทบทวนชีวิตแล้วออกแบบการงานที่เน้นคุณค่าใหม่ๆ ตลอดจนสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้มากขึ้น ส่งผลเป็นปัจจัยให้เกิดสังคมผู้ประกอบการ

โดยเฉพาะในพื้นที่ท้องถิ่นต่างจังหวัด ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างเศรษฐกิจของเมืองบนฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์และนวัตกรรมให้กระจายความเจริญระลอกใหม่ไปทั่วประเทศ 

โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เชื่อมเข้ากับภาคเศรษฐกิจจริงและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กลายเป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 2.0 ตัวอย่างเช่นการนำเทคโนโลยีและการออกแบบสมัยใหม่ในการทำการเกษตรยุคใหม่

การทำ Digital Craft ซึ่งเป็นการสร้างสรรค์งานฝีมือที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ การใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติในการออกแบบผลิตภัณฑ์ การนำเครื่องจักรอัตโนมัติเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต การสร้างสรรค์งานศิลปะดิจิทัล (Digital Art) แล้วขายกรรมสิทธิ์ในรูปแบบ NFT โดยอาจใช้ปัญญาประดิษฐ์เป็นผู้ช่วย เป็นต้น 

แนวโน้มที่สี่

ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจนอกระบบดิจิทัล (The Risk of Digital Dark Economy) เศรษฐกิจนอกระบบที่เป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมายหรือธุรกิจสีเทา

เช่น บ่อนการพนัน หวยใต้ดิน ยาเสพติด ค้ามนุษย์ การหลอกให้ลงทุน โรแมนซ์สแกม ฯลฯ ได้ย้ายเข้าไปสู่โลกดิจิทัลและ Dark Web มากขึ้น ซึ่งทำให้ส่งผลกระทบเกิดขึ้นกว้างขวาง ข้ามพรมแดนและมีความรุนแรงขึ้น  

การที่โลกทั้งด้านขาวและด้านมืดย้ายไปอยู่ที่โลกดิจิทัลที่มากขึ้น จึงเร่งให้เรื่องความมั่นคงทางไซเบอร์กลายเป็นสิ่งสำคัญมาก บริษัทเดลล์ เทคโนโลยีพบว่าการโจมตีทางไซเบอร์เกิดขึ้นทั่วโลกถี่มากขึ้นคือเกิดขึ้นทุกๆ 11 วินาที และ Mckinsey & Company พบว่าการทำฟิซซิ่งเพื่อหลอกลวงเพิ่มมากขึ้นเกือบ 7 เท่าในช่วงโควิด-19

รวมถึงมีการใช้มัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) ซึ่งทำให้ห่วงโซ่อุปทานดิจิทัลที่เชื่อมต่อกันจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องความมั่นคงทางไซเบอร์ตลอดทั้งห่วงโซ่

แนวโน้มที่ห้า

ESG คือ สิ่งสำคัญสูงสุดในการทำธุรกิจ (Putting ESG First) การให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG) กลายเป็นโอกาสและความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจในยุคอนาคตที่สำคัญสูงที่สุด การผลิต การบริโภคและการลงทุนจะต้องผนวกเรื่อง ESG เข้าไปสู่หัวใจของการประกอบธุรกิจ

ในขณะที่ยังคงมีปัญหาของการฟอกเขียว (Green washing) หรือการฟอกอีเอสจี (ESG Washing) ที่เป็นหลอกลวงนักลงทุนและผู้บริโภคซึ่งประชาชนกำลังจับตามอง การพัฒนาระบบข้อมูลและตัวชี้วัดด้าน ESG ที่น่าเชื่อถือ บนหลักฐานที่แท้จริง

และตรวจสอบได้ว่ากิจกรรมต่างๆ ของธุรกิจเป็นการส่งเสริมความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจริงหรือเข้าข่ายการฟอกเขียวเพื่อประชาสัมพันธ์เท่านั้นจะกลายเป็นที่จับตาของสังคม

5 เทรนด์ขับเคลื่อนธุรกิจไทยในอนาคต | ธราธร รัตนนฤมิตศร

คอลัมน์ คิดอนาคต 
ภัณณิน สุมนะเศรษฐกุล
ธราธร รัตนนฤมิตศร
สถาบันอนาคตไทยศึกษา 
www.facebook.com/thailandfuturefoundation/