ปตท. เปิดสูตรดูดซับคาร์บอน สู่เป้าหมายเพิ่ม-รักษาป่า 3.1 ล้านไร่
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นปัญหาที่ทั่วโลกต่างตระหนักเพื่อร่วมด้วยช่วยกันลดปัญหาโลกร้อน ปตท. เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก จึงออกแผน Partnership with Nature and Society ขึ้น
Climate Change อันเป็นสาเหตุของการเกิดโลกร้อน จนกลายเป็นโลกรวน นั้นสามารถแก้ไขได้ด้วยการลดการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อีกฟากหนึ่งการดูดซับคาร์บอนฯ ที่มีอยู่และที่กำลังถูกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศด้วยกลไกการปลูกป่าก็เป็นแนวทางที่ดี ที่สอดคล้องกับแผนของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในเรื่อง Partnership with Nature and Society คือ การเพิ่มปริมาณการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศด้วยวิธีทางธรรมชาติผ่านการปลูกและบำรุงรักษาป่าไม้ รวมถึงพื้นที่สีเขียวต่างๆ ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ จากความร่วมกับภาครัฐและชุมชนในพื้นที่ โดย ปตท. จะดำเนินการ ปลูกป่าบก และ ป่าชายเลน เพิ่มอีก 1 ล้านไร่ ภายในปี 2030 พร้อมวางแผนดูแลบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยได้เริ่มสำรวจพื้นที่ปลูกป่าร่วมกับภาครัฐ (กรมป่าไม้) ในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทยได้แล้วกว่า 70,000 ไร่ และได้ร่วมกับบริษัทในเครือ ARV ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมและอากาศยานไร้คนขับ (Drone) เข้ามาช่วยสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับการคัดเลือกพื้นที่ นอกเหนือจากที่ ปตท. ได้ปลูกและดูแลรักษาป่าจำนวน 1.1 ล้านไร่ ใน 54 จังหวัด มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2537 จนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่ ปตท. ร่วมมือ กทม. เดินหน้าโครงการ "ลมหายใจเพื่อเมือง" ปลูกต้นไม้ 1 แสนต้น สร้างพื้นที่สีเขียวให้คนกรุงนำร่องพัฒนาพื้นที่บริเวณถนนกำแพงเพชร 6 ซึ่งเป็นพื้นที่ของ ปตท. และปลูกในพื้นที่สวนสาธารณะ อาทิ สวนจตุจักร สวนรถไฟ และอีกหลายพื้นที่ที่สำคัญทั่วกรุงเทพฯ เพื่อช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ กักฝุ่นและมลพิษ ลดอุณหภูมิรอบพื้นที่
สำหรับสูตรการปลูกป่าของ ปตท. นั้น ประกอบด้วย การทำงานงานร่วมกับบริษัทใน กลุ่ม ปตท. ที่จะปลูกป่าเพิ่มเติมอีก 1 ล้านไร่ ซึ่งพื้นที่ป่าที่กลุ่ม ปตท. ปลูกและบำรุงรักษารวมทั้งหมด = 1 (ป่าใหม่ของ ปตท.) + 1.1 (ป่าเก่า) +1 (ป่าใหม่ของบริษัทในกลุ่ม) = 3.1 ล้านไร่ จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 4.15 ล้านตันต่อปี และพื้นที่ป่าที่เพิ่มขึ้นยังเป็นแหล่งต้นน้ำที่ช่วยสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับระบบนิเวศ
การวิจัยของ ศูนย์วิจัยป่าไม้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พบว่าป่าที่ ปตท. ได้ดำเนินการปลูกและดูแลรักษาตั้งแต่ ปี 2537-2559 สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้เฉลี่ย 2.14 ล้านตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ปล่อยออกซิเจนสู่บรรยากาศ 1.7 ล้านตันต่อปี และสามารถคิดเป็นมูลค่าผลประโยชน์จากป่ากว่า 280 ล้านบาท/ปี (จากการเก็บของป่า การเป็นระบบนิเวศ ฯลฯ)
นอกจากนี้ ในส่วนของบริษัทฯ ในกลุ่ม ยังมีโครงการที่สำคัญเพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซ อาทิ โครงการ Carbon capture and storage (CCS) นำโดย ปตท.สผ. การดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในพื้นที่ทะเลอ่าวไทยและพื้นที่ใกล้ฝั่งในภาคตะวันออกเป็นรายแรกของประเทศ โดยจะเริ่มดำเนินการ Pilot project ที่แหล่งก๊าซฯ อาทิตย์ให้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 1.0 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการและมีกำหนดดำเนินการโครงการภายในช่วงปี 2570 (2027)
