บิ๊กแบรนด์ระเบิดศึกเครื่องดื่มซ่า! ‘ทิปโก้’ ปั้นสินค้าแบ่งเค้กหมื่นล้าน

ปี 2565 ตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เริ่มคึกคักมากขึ้น เนื่องจากมีสินค้าหมวดใหม่ๆ พยายามแจ้งเกิด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มที่มี “กัญชากัญชง” เครื่องดื่มวิตามิน เครื่องดื่มชูกำลัง เป็นต้น

ทว่า อีกหมวดที่มีผู้เล่นหน้าใหม่คือ เครื่องดื่มอัดก๊าซ เครื่องดื่มซ่า เข้ามาชิง 2 ตลาดที่คาบเกี่ยวกัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลมและโซดา

แบรนด์ใหม่ หากจะเข้ามาบุกตลาดน้ำอัดลมเลย ท่าจะยาก เพราะ “ยักษ์ใหญ่” ทั้ง Global Brand ยึดพื้นที่อย่างเหนียงแน่น ไม่ว่าจะเป็นโค้ก เป๊ปซี่ เอส และบิ๊ก โคล่า

แต่จะชนตลาดโซดาตรงๆ ยากยิ่งกว่าเพราะ “สิงห์” เป็นผู้นำตลาดอย่างแข็งแกร่ง ครองส่วนแบ่งสูงมาก หากแบรนด์รองคิดจะไล่ตาม ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น การครีเอท “หมวดใหม่” เพื่อหาจุดยืนให้ตัวเอง เลี่ยงคู่แข่งตรงๆ จึงเกิดขึ้น

หากสำรวจตู้แช่เครื่องดื่มในร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ เครื่องดื่มซ่า มาแรงมากขึ้น ผู้ผลิตเครื่องดื่มหลายรายปั้นแบรนด์ พัฒนาสินค้าตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย พร้อมแบ่งเค้กการดื่ม(Share of Throat) เช่น “สิงห์ เลมอนโซดา” จาก 1 รสชาติ ปัจจุบันมีสินค้าเติมพอร์ต 3 รสชาติแล้ว “วิตซ่า” ที่ชูจุดขายเครื่องดื่มผลไม้ผสมวิตามินและความซ่า “ดับเบิ้ลซี เลมอนโซดา” เป็นต้น ส่วนราคาขายอยู่ในช่วง 15-16 บาทต่อกระป๋อง แต่ปริมาตรต่างกันบ้าง

เครื่องดื่มซ่า ไม่ใช่เพิ่งแจ้งเกิด หากแยกน้ำอัดลมและโซดา จะเห็นว่าผู้ผลิตหลายค่าย สร้างสรรค์สินค้านวัตกรรมซ่าสู่ตลาดมาระยะใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นชาเขียวพร้อมดื่มอย่าง โออิชิซ่าคูลส์ซ่า จ่ายโออิชิ คาลพิตแลคโตะ โซดา จากค่ายโอสถสภา ฯ

เครื่องดื่มซ่าในตู้แช่ของร้านสะดวกซื้อ

ส่วนเครื่องดื่มซ่าอื่นๆ ยังมีเครื่องดื่มชูกำลังในรูปแบบกระป๋อง ของพี่เบิ้มในวงการมาครบ ไม่ว่าจะเป็น Redbull Carabao และ Shark

ขณะที่น้องใหม่ล่าสุดมาจากค่าย “ทิปโก้ เอฟแอนด์บี” ภายใต้บริษัท ทิปโก้ฟู้ดส์ จำกัด(มหาชน) ผู้นำเครื่องดื่มผลไม้ และผลิตภัณฑ์จากพืชผักและผลไม้ โดยการเปิดตัว 2 เครื่องดื่มซ่าใหม่ ประกอบด้วย “ทิปโก้ อิซซี่” และ “ทิปโก้ โซซ่า”  โดย จักรภพ ฉิมอำพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด จาก ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด เล่าว่า เป็นครั้งแรกของทิปโก้ ที่ขยายพอร์ตโฟลิโอสินค้ าสู่ตลาดเครื่องดื่มโซดา ซึ่งบริษัทมองว่ายังมี “ช่องว่างตลาด” และเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคด้วย Sparkling Juice

“ทิปโก้ เชี่ยวชาญการทำตลาดน้ำผลไม้อยู่แล้ว แต่การมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ยังมีต่อเนื่อง โดยเฉพาะการรัยเทรนด์สุขภาพมาก จึงต่อยอดน้ำผลไม้ด้วยการเพิ่มคุณประโยชน์ พร้อมเติมความแปลกใหม่ด้วยความซ่าสู่ตลาด”

การลุยตลาดเครื่องดื่มอัดก๊าซครั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าขึ้นอันดับหนึ่งในตลาดเครื่องดื่มประเภท Sparkling Juice และเป็นกลยุทธ์ที่ผลักดันทิปโก้ให้เติบโตก้าวกระโดดในครึ่งปีหลัง

“ทิปโก้ อิซซี่” และ “ทิปโก้ โซซ่า”

สุพิชชา ชูพินิจ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด เล่าแนวทางการทำตลาด “ทิปโก้ อิซซี่” และ “ทิปโก้ โซซ่า” จะเน้น Lifestyle Marketing สร้างคอนเทนต์ที่สื่อถึงการดื่มผลิตภัณฑ์ในทุกไลฟ์สไตล์ รวมถึงมองโอกาสถึงการสร้างสรรค์เครื่องดื่มใหม่ หรือ “มิกซ์” กับเครื่องดื่มอื่น ๆ เพื่อเพิ่มสีสันในงานปาร์ตี้ต่าง

 นอกจากนี้ ยังเตรียมจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่าง ๆ สร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณาปลุกการรับรู้แบรนด์ การใช้อินฟลูเอนเซอร์ เป็นกระบอกเสียง เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด ที่สำคัญต้องทำให้เกิดการทดลองชิมและซื้อซ้ำตามมา

สำหรับทิปโก้ อิซซี่ มีให้เลือก 4 รสชาติ ได้แก่ พีช, ส้มยูสุ, มิกซ์เบอร์รี่ และ มะม่วง ในรูปแบบกระป๋อง 330 มิลลิลิตร(มล.) ราคา 16 บาท ส่วนทิปโก้ โซซ่า มี 2 รสชาติ ได้แก่ สับปะรดหอมสุวรรณ และ องุ่นแดง ในรูปแบบกระป๋อง 330 มล. ราคา 35 บาท

ด้านภาพรวมตลาดน้ำอัดลม(น้ำดำ+น้ำสี)มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท ส่วนเครื่องดื่มโซดามูลค่าราว 15,000 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ ค่ายเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่อย่างสิงห์ ให้ข้อมูลตลาดเครื่องดื่มอัดก๊าซแบบกระป๋องมีมูลค่า 13,172 ล้านบาท

นอกจาก “ทิปโก้” ส่งน้องใหม่ชิงตลาดเครื่องดืมอัดก๊าซแล้ว เร็วๆนี้ “อิชิตัน กรุ๊ป” เตรียมส่ง “ตันซันซู” น้ำอัดลมที่จะมาเกาะกระแส K-Pop เพื่อทำตลาดเดือนตุลาคม จำนวน 2 รายการ ตั้งราคาขาย 20 บาท พร้อมเป้ายอดขาย 150 ล้านบาทในปีแรก จากนั้นมองเป้ายอดขายถึง 500 ล้านบาท

ตันซันซู แปลว่าน้ำอัดลม จากอิชิตัน กรุ๊ป

อย่างไรก็ตาม การขยายพอร์ตโฟลิโอสินค้าถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สร้างการเติบโต แต่อีกด้าน ปฏิเสธไม่ได้ว่าตลาดน้ำผลไม้ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาอยู่ในภาวะ “ติดลบ” ต่อเนื่อง กระทั่งปี 2565 จึงเห็นการฟื้นตัว เชิงมูลค่าเติบโต 4.3% และเชิงปริมาณเติบโต 1%

สำหรับภาพรวมของ “ทิปโก้ฟู้ดส์” ครึ่งปีแรกทำรายได้จากการขายกว่า 1,400 ล้านบาท เติบโต 27% จากช่วงเดียวกันปีก่อน กำไรสุทธิกว่า 89 ล้านบาท ลดลง 57%จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่โครงสร้างรายได้ไตรมาส 2 ซึ่งบริษัททำรายได้ 811 ล้านบาท เครื่องดื่มเป็นพอร์ตโฟลิโอใหญ่สุดทำเงิน 56% ตามด้วยผลิตภัณฑ์จากพืชผักและผลไม้ 46% และอื่นๆ 1%