“ปตท.”ส่ง“อินโนบิก” เติบโตนอกบ้าน เร่งแผนรุกตลาดยาอาเซียน

“ปตท.”ส่ง“อินโนบิก” เติบโตนอกบ้าน เร่งแผนรุกตลาดยาอาเซียน

อินโนบิก เอเชีย บริษัทลูกในเครือ ปตท.กางแผนธุรกิจเดินหน้าสู่ผู้นำยา – อาหารเพื่อสุขภาพ จับมือพันธมิตรโลตัสจากไต้หวัน - อินเตอร์ฟาร์มา เดินหน้าขยายตลาดยาในเอเชีย ควบคู่ลดการนำเข้ายาที่คนไทยใช้จากต่างประเทศ ‘บูรณิน’ เผยพร้อมตั้งโรงงานผลิตหากมีความต้องการยามากพอ

บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) มีเป้าหมายทางธุรกิจในการสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 30% ภายในปี 2573 โดยไม่ได้จำกัดอยู่แค่ธุรกิจพลังงาน แต่ยังมีธุรกิจที่หลากหลายซึ่งรวมไปถึงธุรกิจในกลุ่ม “วิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต” ซึ่งได้แก่ ยา สินค้าวัสดุทางการแพทย์ และอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งกลุ่มธุรกิจนี้บริษัทลูกที่เป็นหัวหอกสำคัญในการขยายธุรกิจและสร้างรายได้ในส่วนนี้คือบริษัท อินโนบิก(เอเซีย) จำกัด

 

บุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า ในวันนี้ประเทศไทยมีโจทย์ใหญ่ในเรื่องความมั่นคง แต่ไม่ใช่เรื่องความมั่นคงเรื่องพลังงานเท่านั้น แต่ความมั่นคงเรื่องสุขภาพก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเพราะในอีก 5 ปีข้างหน้าคนไทยที่มีอายุเกินกว่า 60 ปีจะมีสัดส่วนมากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด ความต้องการที่จะต้องใช้ยารักษากลุ่มโรคไม่ติดต่อ เช่น เบาหวาน หัวใจ ความดัน ก็จะมีมากขึ้น เช่นเดียวกับความต้องการอาหารที่ดีต่อสุขภาพ หรืออาหารที่จะต้องใช้ทางการแพทย์กับผู้ป่วยที่มีความต้องการจะมีมากขึ้น

ประเทศไทยมีเป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของภูมิภาค ขณะเดียวกันก็ต้องการที่จะวางเป้าหมายในการเป็น Wellness Center ของภูมิภาคแต่ว่ายา เครื่องมือทางการแพทย์ ส่วนใหญ่ไทยต้องนำเข้าแทบทั้งหมด เมื่อพูดถึงการลงทุนในอุตสาหกรรมเหล่านี้ที่ผ่านมาไม่มีบริษัทขนาดใหญ่พอที่จะเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทข้ามชาติที่จะเข้ามาลงทุน ซึ่งอินโนบิกจะเข้ามาทำหน้าที่ในส่วนนี้เพื่อให้เกิดการลงทุนในสาขาเหล่านี้ที่ถือเป็น New S Curve ที่สำคัญของอุตสาหกรรมในไทย

ทั้งนี้ หลังจากก่อตั้งบริษัทอินโนบิกมาประมาณ 1 ปีเศษถือว่าได้พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ดีทั้งในและต่างประเทศ ทำให้สามารถขยายการลงทุนในเรื่องของยา และอาหารเพื่อสุขภาพไปได้มาก โดยในส่วนของธุรกิจยาได้ลงทุนผ่านการเข้าซื้อหุ้นในบริษัท Lotus Pharmaceutical ในไต้หวัน ซึ่งทำให้อินโนบิกสามารถรุกเข้าสู่ธุรกิจยาได้อย่างรวดเร็วและได้พอร์ตยาจาก Lotus มาจำนวนมาก เช่น ยาเกี่ยวกับการรักษาโรคมะเร็ง ยารักษาโรคอ้วน 

ขณะเดียวกันบริษัท Lotus มีแล็ปทดลองยาอยู่หลายแห่งทั่วโลก นอกจากในไต้หวัน ก็มีทั้งในจีน เกาหลีใต้ และไอร์แลนด์ มีการจำหน่ายยาไปในหลายประเทศ ทั้งในสหภาพยุโรป เกาหลีใต้และมีความสนใจที่จะขยายตลาดยามายังอาเซียนซึ่งก็อยู่ระหว่างหารือกันว่าความร่วมมือในระยะต่อไประหว่างอินโนบิกกับ Lotus ในการรุกตลาดอาเซียนจะเป็นไปในลักษณะใด

 ซึ่งหากมีความต้องการของตลาดที่มากพอก็สามารถที่จะตั้งโรงงานผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกในภูมิภาคได้เช่นกัน

“การลงทุนในบริษัท Lotus ที่อินโนบิกถือหุ้นอยู่ประมาณ 37% ถือเป็นการลงทุนที่ดี เพราะบริษัทนี้มีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่องโดยเมื่อตอนแรกที่อินโนบิกเข้าไปถือหุ้นบริษัท Lotus มีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท แต่ขณะนี้บริษัทมีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ทิศทางการดำเนินงานก็ถือว่าเป็นไปด้วยดี มีกำไรเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่อยู่ประมาณ 1,030 ล้านบาท มาเป็น 1,403 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ปีนี้อินโนบิกจะได้รับรายได้จากเงินปันผลตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทนี้”

นอกจากนี้อินโนบิกยังเข้าไปลงทุนใน บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จํากัด (มหาชน) โดยการซื้อหุ้นเพิ่มทุน เนื่องจากเห็นศักยภาพและความเชี่ยวชาญของบริษัทนี้ที่มีการผลิตยาที่ใช้ในประเทศทั้งยาที่ใช้กับคน และยาที่ใช้กับสัตว์ ซึ่งทำให้อินโนบิกมีพอร์ตยาที่เกี่ยวข้องกับปศุสัตว์ซึ่งมีความต้องการใช้ในประเทศไทยเป็นจำนวนมากเช่นกัน

ในส่วนของธุรกิจทางการแพทย์อินโนบิกได้ลงทุน ร่วมกับบริษัท ไออาร์พีซี จัดตั้ง บริษัท อินโนโพลีเมด จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่าย วัสดุ อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ผลิตจากผลิตภัณฑ์ผ้าไม่ถักไม่ทอ โดยมีมูลค่าการลงทุนกว่า 144 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 40.00%

ปัจจุบัน อินโนโพลีเมด ร่วมกับ ไออาร์พีซีและวิชรแล็บ ของวชิระพยาบาล เริ่มทดสอบผ้าที่ผลิตได้พร้อมจัดส่งตัวอย่างผ้า เพื่อร่วมทดสอบผลิตภัณฑ์ และเดินหน้าจัดกิจกรรมเพื่อ ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังได้ลงทุนร่วมกับบริษัท นำวิวัฒน์การช่าง (1992) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ประเภทเครื่องฆ่าเชื้อแบบ ครบวงจรชั้นนำของประเทศ มูลค่าการลงทุนกว่า 800 ล้านบาท เข้าถือหุ้น 17.65% โดยตั้งเป้าเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจ เป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออก เครื่องมือแพทย์ปราศจากเชื้อรายใหญ่ของไทยในอนาคต

สำหรับในเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพ ได้มีการจัดตั้งบริษัท นิวทรา รีเจนเนอเรทีฟ โปรตีน จำกัด (Nutra Regenerative Protein) หรือ "NRPT" ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างอินโนบิก และบริษัท โนฟ ฟู้ดส์ จำกัด (เป็นบริษัทย่อยที่ เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน)หรือ NRF ถือหุ้น 100%)

โดยบริษัท NRPT เป็นบริษัทที่อินโนบิกและ โนฟ ฟู้ดส์ ถือหุ้นเท่ากันในสัดส่วนการถือหุ้นที่เท่ากันบริษัทละ 50% เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืชแบบครบวงจร โดยบริษัทนี้ก่อตั้งเมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2564 ด้วยทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท โดยบริษัทนี้ตั้งขึ้นเพื่อขยายธุรกิจโปรตีนจากพืช (Plant-basedprotein)

นอกจากนั้นในเดือน ก.ย.ปีนี้อินโนบิกได้ร่วมมือกับบริษัท Wicked Kitchen ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าแพลนเบสระดับโลก ที่มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในประเทศอังกฤษ ในการเข้ามาเปิดตลาดสินค้า Plant-based ในประเทศไทย โดยเริ่มจากการนำเข้าสินค้าของ Wicked Kitchen กว่า 17 SKU มาวางจำหน่ายใน Top Super Market ในเครือเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่นกว่า 50 สาขา โดยสินค้าของ Wicked Kitchen ที่จะนำเข้ามาเปิดตลาด Plant-based เช่น พิซซ่า ไอศกรีม และของหวาน ซึ่งมั่นใจว่าจะตอบโจทย์กลุ่มผู้รักสุขภาพ เนื่องจากเป็นอาหารพร้อมทานที่ไม่มีไขมัน และคอเลสเตอรอลแต่อย่างใด