ROJNA - ผลประกอบการจะฟื้นตัวในปีหน้า (25 ส.ค. 65)

เราปรับลดประมาณการกำไรปี FY22F ลง 60% แต่ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี FY23F ขึ้นอีก 6% คิดเป็นอัตราการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งถึง 209% เราปรับลดราคาเป้าหมาย (กลางปี 2023) ลงเล็กน้อยเป็น 7.40 บาท  เราเชื่อว่าราคาหุ้นที่ลดลง 8% YTD สะท้อนผลประกอบการที่อ่อนแอไปแล้ว นอกจากนี้ยังมี upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการและราคาเป้าหมายได้แก่ ธุรกิจกัญชา และโรงไฟฟ้า (อายุการใช้งานที่นานขึ้น) มูลค่าตลาดที่สูงกว่ามูลค่าทางบัญชีของ Ratchakarn Holding และ TRA ทั้งนี้ TRA มีแผนจะขายที่ดินหนึ่งแปลงและบันทึกกำไรเร็ว ๆ นี้ เราคงคำแนะนำซื้อ ROJNA

 

ยอดขายที่ดินแข็งแกร่งส่งผลปรับประมาณการขึ้น

เมื่อรวมการขายที่ดินแปลงใหญ่ 313 ไร่ให้กับ Arun Plus Co., Ltd ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ PTT จะส่งผลให้ ROJNA มียอดขายที่ดิน YTD อยู่ที่ 552 ไร่ สูงกว่าประมาณการปี FY22F ของเรา และยอดขายรอรับรู้รายได้ (backlog) เพิ่มขึ้นเป็น 821 ไร่ ดังนั้น เราจึงปรับประมาณการยอดขายที่ดินปีนี้ขึ้นเป็น 653 ไร่ และยังคงประมาณการ FY23F ที่ 525 ไร่ และ FY24F ที่ 600 ไร่ เนื่องจากกำหนดโอนที่ดินแปลงใหญ่ในปีหน้า เราจึงปรับเพิ่มประมาณการยอดโอนปี FY23F เป็น 751 ไร่ จากเดิมที่ 441 ไร่

 

 

 

 

ธุรกิจโรงไฟฟ้าอ่อนแอใน 1H แต่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวตั้งแต่ 4Q เป็นต้นไป

กำไรขั้นต้นธุรกิจโรงไฟฟ้าอ่อนแอเพียง 28 ลบ.ใน 1H เนื่องจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติสูงขึ้น แต่ค่า Ft ปรับขึ้นช้ากว่า อย่างไรก็ตาม เราคาดผลประกอบการของโรงไฟฟ้าจะฟื้นตัวตั้งแต่ 4Q เป็นต้นไป จากการปรับขึ้นค่า Ft จาก 0.2477 บาท/หน่วยสำหรับเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม และเป็น 0.9343/หน่วยสำหรับเดือนกันยายน-ธันวาคม เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า (ค่า Ft ทรงตัวและต้นทุนก๊าซธรรมชาติทยอยปรับลดลง หรือค่า Ft เพิ่มขึ้นเร็วกว่าต้นทุนก๊าซธรรมชาติ) และกลับไปอยู่ระดับปี 2019 (11%) ภายในปี FY25F

 

ปรับประมาณการกำไร ปรับราคาเป้าหมายเป็น 7.40บาท และคงคำแนะนำ ซื้อ

เราปรับลดประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักในปี FY22F ลง 60% เหลือ 298 ล้านบาท เพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มที่อ่อนแอของธุรกิจโรงไฟฟ้า แต่ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี FY23F ขึ้นอีก 6% เป็น 918 ล้านบาท เนื่องจากการโอนที่ดินแปลงใหญ่ 313 ไร่จะช่วยบรรเทาผลกระทบจากธุรกิจโรงไฟฟ้าที่อ่อนแอ เราปรับลดราคาเป้าหมาย (กลางปี 2023) เป็น 7.40 บาท จาก 7.90 บาท