"เงินเฟ้อ" พ่นพิษซ้ำ "สินค้าเทค" แบรนด์ใหญ่แห่ปรับขึ้นราคา

"เงินเฟ้อ" พ่นพิษซ้ำ "สินค้าเทค" แบรนด์ใหญ่แห่ปรับขึ้นราคา

ภาวะเงินเฟ้อส่งผลให้ราคาสินค้าเทคโนโลยีพุ่งสูงขึ้นด้วยเช่นกัน “MacBook Air 2022 M2” รุ่นใหม่ของ “Apple Inc.” เปิดตัวในไทยด้วยราคาสูงกว่ารุ่นก่อนหน้า 11,000 บาท และไม่ลดราคารุ่นก่อนหน้าลง ถึงแม้จะขายรุ่นใหม่แล้วก็ตาม ขณะที่แบรนด์อื่นปรับราคาสินค้ารุ่นเดิมสูงขึ้น

แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะกำลังไปในทิศทางผ่อนคลายลง แน้วโน้มในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจนั้นเริ่มจะมีหวังมากขึ้น แต่แล้วก็ต้องมาสะดุดจาก “ภาวะเงินเฟ้อ” รวมไปถึงสถานการณ์การสู้รบในยูเครนยังไม่ทุเลาลง ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น (แม้จะเริ่มลดลงบ้างแล้วก็ตาม) ส่งผลให้ราคาสินค้าแพงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในเวลานี้ เมื่อคุณเดินเข้าไปจับจ่ายใช้สอยในห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ตลอดจนวัตถุดิบในการประกอบอาหาร คุณจะพบว่าเงินมีเท่าเดิมแต่ซื้อของได้น้อยลง

ไม่เพียงแต่กระทบต่อสินค้าที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่อัตราเงินเฟ้อยังส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเทคโนโลยีอีกด้วย 

อันที่จริง ราคาสินค้าเทคโนโลยีนั้น ถูกกำหนดล่วงหน้าไว้ตั้งแต่ขั้นตอนการเริ่มคิดค้นผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาอย่างน้อยประมาณ 18 เดือนก่อนสินค้าจะปล่อยเข้าสู่ตลาด ทำให้บริษัทเทคโนโลยีต้องตั้งราคาเผื่อความผันผวนของอัตราเงินเฟ้อในระยะสั้น นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราไม่เห็นการขึ้นราคาสินค้าเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นหลังจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ มีแต่จะราคาลดลงเมื่อมีสินค้ารุ่นใหม่ออกมา

ในปีนี้ ราคาสินค้าเทคโนโลยีพุ่งสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัญหาซัพพลายเชนที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้บริษัทต่างๆ ผลิตสินค้าในประมาณที่น้อยลง รวมถึงปัญหาพิพาทระหว่างจีนกับไต้หวัน ที่อาจส่งผลต่อการส่งออกชิป โดยเฉพาะกับสินค้าระดับไฮเอนด์ อีกทั้งภาวะเงินเฟ้อและราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้น ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาสินค้าเทคโนโลยีแพงขึ้นไปด้วย

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในปีนี้คือ ราคาของ “MacBook Air” รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกับชิปตัวใหม่ล่าสุด M2 จาก “Apple Inc.” บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลก ที่เปิดตัวมาในเดือนมิ.ย. และเริ่มจัดส่งในเดือนก.ค. ที่ผ่านมา โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 1,199 ดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก MacBook Air M1 2020 รุ่นก่อนหน้าที่เปิดเมื่อปี 2563 ถึง 200 ดอลลาร์ ส่วนราคาขายในไทยของ MacBook Air M2 นั้นอยู่ที่ 43,900 บาท แพงกว่ารุ่นก่อนหน้าอยู่ 11,000 บาท

อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถกล่าวได้โดยตรงว่า ราคาของ MacBook Air ที่สูงขึ้นนั้นเป็นผลพวงมาจากภาวะเงินเฟ้อเพียงอย่างเดียว เพราะ MacBook Air ในปีนี้ก็เพิ่มคุณสมบัติ ฟังก์ชัน และปรับรูปลักษณ์ใหม่ รวมถึงชิปประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง M2

แต่สิ่งที่แปลกไปจากเดิม คือ Apple ไม่ได้ลดราคา MacBook Air M1 2020 ลงเลย ยังคงขายในราคาเดียวกับตอนเปิดตัว ซึ่งต่างจากปกติที่มีสินค้าตัวใหม่ออกมา Apple จะปรับลดราคาสินค้าตัวเก่าลงเสมอ หากผู้บริโภคต้องการ MacBook Air M1 2020 ในตอนนี้ยังคงต้องซื้อในราคาเริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์ หรือราคาขายในประเทศไทยที่ 32,900 บาท 

 

เช่นเดียวกับ Samsung บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ที่พึ่งเปิดสมาร์ทโฟน และแก็ดเจ็ตรุ่นใหม่ไปเมื่อเดือนส.ค. ที่ผ่านมา แม้ว่าสมาร์ทโฟนพับได้อย่าง Samsung Galaxy Z Flip 4 และ Samsung Galaxy Z Fold 4 จะมีราคาเริ่มต้นเท่ากับรุ่นก่อนหน้า  โดย Flip 4 เปิดตัวด้วยราคาเริ่มต้นในไทยที่ 35,900 บาท ขณะที่ Z Fold 4 ราคาเริ่มต้นที่ 59,990 บาท แต่ Galaxy Watch 5 สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่นั้นแพงกว่ารุ่นก่อนหน้าราว 30 ดอลลาร์ แม้ว่าจะใช้ชิปตัวเดิม (แต่ราคาขายในไทยลดลง Galaxy Watch 4 ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 8,990 บาท ส่วน Galaxy Watch 5 รุ่นเริ่มต้นสนนราคาที่ 8,490 บาท)

 

เช่นเดียวกับ Galaxy Buds 2 Pro หูฟังไร้สายรุ่นล่าสุด เปิดตัวที่ราคาในไทยที่ 6,990 บาท เท่ากับรุ่นก่อนหน้า แต่ในสหรัฐกลับมีราคาสูงขึ้น 30 ดอลลาร์เช่นกัน 

ส่วนสินค้าเทคโนโลยีแบรนด์อื่นๆ ต่างปรับขึ้นราคาสินค้าด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Sonos ลำโพงชื่อดังของสหรัฐที่ปรับขึ้นราคาลำโพงไร้สายขึ้นทุกรุ่น เนื่องจากปัญหาซัพพลายเชน ขณะที่แว่นตา VR รุ่น Meta Quest 2 ของ Meta บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก ประกาศปรับราคาขึ้น 100 ดอลลาร์ หรือ 30% อยู่ที่ 399 ดอลลาร์ หรือประมาณ 16,990 บาท (ขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้า) เนื่องจากไม่สามารถแบกรับราคาต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น

เมื่อเข้าสู่ช่วงไตรมาสที่ 3 ที่ถือว่าเป็นฤดูกาลเปิดตัวสินค้าเทคโนโลยีใหม่ นักวิเคราะห์ตลาดประเมินสถานการณ์ว่า ในปีนี้ราคาสินค้าเทคโนโลยีจะเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ iPhone 14 ที่จะเปิดตัวในเดือนก.ย.นี้ อาจจะมีราคาเริ่มต้นที่แพงกว่า iPhone 13 แม้ว่าอาจจะใช้ชิปเดียวกันก็ตาม หากเป็นเช่นนั้น Apple อาจไม่มีการขยับราคาของ iPhone 13 ลง เช่นเดียวกับ MacBook Air M1

ไม่เพียงแต่ราคาอุปกรณ์เทคโนโลยีจะเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ซอฟต์แวร์และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องก็ปรับขึ้นราคาเช่นกัน จากข้อมูลจาก TechTarget บริษัทอเมริกันที่ให้บริการด้านการตลาด ระบุว่า ข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เป็นดัชนีราคาที่คํานวณขึ้นเพื่อใช้วัดการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าโดยเฉลี่ยที่ผู้ผลิตได้รับช่วงเวลาหนึ่ง เปรียบเทียบกับช่วงเวลา ณ ปีฐาน ซึ่งใช้วัดแรงกดดันเงินเฟ้อที่มาจากฝั่งผู้ผลิต เผยแพร่โดยกระทรวงแรงงานของสหรัฐเมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า ราคาค่าเช่าโฮสต์คอมพิวเตอร์ และระบบเครือข่ายแบบรายปีนั้น เพิ่มขึ้น 21% จากราคาในเดือนมิ.ย. 2564 

ส่วนอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลสำหรับคอมพิวเตอร์มีราคาเพิ่มขึ้นราว 4.7% ขณะที่การให้บริการโดยผู้เชี่ยวชาญ การสนับสนุนด้านเทคนิคด้านไอที และบริการให้คำปรึกษามีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นราว 2% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของ Gartner บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีว่า อัตราค่าบริการด้านไอทีในปีนี้จะสูงขึ้น เนื่องจากความต้องการขององค์กรเพิ่มขึ้น และการขึ้นเงินเดือนพนักงานของผู้ให้บริการเพื่อจูงใจให้พนักงานทำงานต่อ หลังจากเกิดการลาออกจากงานครั้งใหญ่ (The Great Resignation) ในสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว

ขณะที่ Amazon แพลตฟอร์มชอปปิงออนไลน์ของสหรัฐ ประกาศขึ้นค่าธรรมเนียมการขายสินค้าจากผู้ขายในช่วงวันที่ 15 ต.ค. 2565 ถึง 14 ม.ค.2566 ซึ่งเป็นช่วงที่มีเทศกาลวันหยุด เพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ แน่นอนว่า ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้ต้องตกมาเป็นภาระของผู้บริโภค ต่อไปผู้ซื้ออาจต้องควักเงินเพิ่มขึ้นเพื่อซื้อสายชาร์จ หรือแม้กระทั่งเคสโทรศัพท์

แม้ว่าเราจะคุ้นชินกับราคาของสินค้าเทคโนโลยีที่มักจะลดลงเมื่อวางขายไปสักระยะหรือมีรุ่นใหม่กว่าออกมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ แต่ก็ไม่แน่ว่าต่อจากนี้ไปธรรมเนียมจะยังคงอยู่ ตราบใดที่สินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำยังคงพุ่งสูงขึ้น สมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ของคุณก็อาจจะมีราคาพุ่งสูงขึ้นด้วยเช่นกัน


ที่มา: CNBCOculus, SONOSTechTarget, The Verge

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์