VGI - ยังฟื้นตัวได้ไม่ราบรื่น (17 ส.ค. 2565)

VGI - ยังฟื้นตัวได้ไม่ราบรื่น (17 ส.ค. 2565)

เรารู้สึกว่า VGI ใกล้จะพลิกฟื้นแล้ว เพราะในที่สุดบริษัทจะได้อานิสงส์จากการที่ผู้โดยสารรถไฟฟ้า BTS เพิ่มขึ้น แต่ยังไม่อาจจะพลิกฟื้นได้อย่างแข็งแกร่ง เพราะจะมีการรวมบริษัทใหม่ (NINE) ที่ยังขาดทุนอยู่เข้ามาในงบรวมของบริษัท

และยังไม่มีสัญญาณว่า KEX จะพลิกฟื้น ถึงแม้ว่าเราจะยังคงคำแนะนำ ซื้อ VGI แต่เรามองบวกน้อยลง

 

ข้อมูลที่ได้จากการประชุมนักวิเคราะห์มีทั้งบวกและลบ

VGI จัด conference call กับนักวิเคราะห์ ซึ่งเรารู้สึกว่าแนวโน้มไม่ได้สดใสอย่างที่เราคาดเอาไว้ก่อนหน้านี้ โดยประเด็นสำคัญที่ได้จากการประชุมมีดังนี้

i) บริษัทยังคงเป้ารายได้ปีนี้เอาไว้เท่าเดิมที่ 6.5 พันล้านบาท (+59% yoy) แม้ว่ารายได้ใน 1QFY23 จะคิดเป็นเพียง 14% ของเป้าทั้งปีของบริษัทเท่านั้น โดยบริษัทบอกว่ารายได้ที่ต่ำใน 1QFY23 เป็นผลจากปัจจัยฤดูกาล และช่วงเหลื่อมเวลาระหว่างการที่จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า BTS เพิ่มขึ้น กับรายได้ค่าโฆษณาของ VGI ทั้งนี้ ในช่วงเดือนกรกฎคมและสิงหาคม 2022 บริษัทพบว่าโมเมนตัมของรายได้แข็งแกร่งกว่าใน1QFY23

ii) ดำเนินกระบวนการ tender offer เพื่อซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของ NINE เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทำให้บริษัทได้เข้าถือหุ้น NINE รวมประมาณ 59.99% และจะเริ่มนำงบการเงินของ NINE เข้ามาอยู่ในงบรวมของ VGI ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2022 เป็นต้นไป ทั้งนี้ NINE มีผลขาดทุน 36 ล้านบาทใน 2Q22 และยังมีแนวโน้มจะขาดทุนต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อยสองไตรมาสก่อนที่จะได้อานิสงส์จากแผนปรับโครงสร้างเพื่อทำธุรกิจ commerce เพิ่มขึ้น และกลายมาเป็นจุด conversion point สำหรับลูกค้า VGI ซึ่งหมายความว่า VGI จะต้องแบกผลขาดทุนไตรมาสละ 21.6 ล้านบนาท หรือ ปีละ 86 ล้านบาทจากการถือหุ้น 59.99% ใน NINE

 

 

ประมาณการรายได้ และกำไรของเราค่อนไปทางอนุรักษ์นิยม

จากประมาณการในปัจจุบัน เรามองแบบอนุรักษ์นิยมมากกว่าเป้าของผู้บริหาร โดยเฉพาะในด้านของรายได้ โดยเราคาดว่ารายได้ในปี FY23 จะอยู่ที่ 4.6 พันล้านบาทเท่านั้น ต่ำกว่าเป้าของบริษัทถึง 28% เพราะเรามองแนวโน้มเศรษฐกิจแบบระมัดระวังมากกว่า โดยเราคาดว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคจะลดลงจากอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น นอกจากนี้ เรายังคิดว่าประมารการแบบอนุรักษ์นิยมของเราเหมาะสมเพราะ VGI ยังต้องนำผลขาดทุนของ NINE เข้ามาใส่ในงบรวมของบริษัทตั้งแต่ 2QFY23 เป็นต้นไปด้วย ดังนั้น เราจึงยังคงประมาณการกำไรปี FY23 เอาไว้เท่าเดิมที่ 16 ล้านบาท จากที่มีผลขาดทุนจากธุรกิจหลัก 321 ล้านบาทในปี FY22

 

แนะนำ ซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 5.50 บาท

ในขณะที่เรายังคงแนะนำซื้อ VGI และคงราคาเป้าหมายเอาไว้ที่ 5.50 บาท แต่เรามองบวกน้อยลงกับแนวโน้มของบริษัท เพราะดูเหมือนว่าบริษัทลูก ซึ่งรวมถึง KEX และ NINE จะเป็นตัวฉุดผลประกอบการไปอีกอย่างน้อยสองปี ซึ่งจะทอนความแข็งแกร่งของการฟื้นตัวของกำไรจากธุรกิจสื่อ OOH ลง