Sideways ซื้อเก็งกำไร BCH PTG BAM (3 ส.ค. 2565)

คาดดัชนีฯ Sideways แนวต้าน 1,600 / 1,607 จุด แนวรับ 1,583 / 1,573 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไร BCH PTG BAM ทางเทคนิค คาดดัชนีฯ มีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ หลังจากเผชิญแรงขายทำกำไรบริเวณแนวต้านสำคัญบริเวณใกล้ 1,600 จุด
โดยระยะสั้นจะมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,583 – 1,600 จุด โดยโมเมนตัมเชิงลบ กดดันจาก Geopolitical Risk ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ หลังประธานสภาสหรัฐฯ เพโลซี่ เดินทางไปไต้หวันในค่ำคืนที่ผ่านมา ผลักดันให้จีนมีการตอบโต้ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหารต่อไต้หวัน ไฮไลท์วันนี้ คือ การประชุม OPEC+, ตัวเลข PMI ภาคบริการและตัวเลขรวมของ Japan EU UK USA รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ นอกจากนี้ แนะนำจับตาท่าทีของจีน ถึงมาตรการตอบโต้ไต้หวันว่าจะมีออกมาเพิ่มเติมหรือไม่
กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ
+ KTX Portfolio: พอร์ต Big Cap แนะนำ GULF CRC AWC TCAP JMT CENTEL BH BEM AOT EA CPN MINT KTB BDMS (ซื้อ MEGA และ MAJOR) พอร์ต Mid-Small Cap แนะนำ AH DOD DOHOME KSL NYT RS TWPC SAT TMT AMANAH WICE PORT TOG SFT TK
+ หุ้นที่เคยได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นของยิลด์พันธบัตร: MTC SINGER THANI
+ หุ้นที่คาดว่าจะรายงานกำไรเติบโตดีในสัปดาห์นี้ (Earnings Play): SNNP SPRC IVL
+ กลุ่มโรงไฟฟ้าได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นค่า FT และราคาน้ำมันที่ลดลง: BGRIM GPSC GULF
+ Daily Recommendation: BCH (รับแรงซื้อหุ้นกลุ่มปลอดภัย หลังจาก Geopolitical Risk เพิ่มขึ้น) PTG (เก็งกำไรผลประกอบการ 2Q22E เติบโต QoQ จากปริมาณการขายน้ำมันและค่าการตลาดที่เพิ่มขึ้น) BAM (เก็งกำไรผลประกอบการ 2Q22E)
ปัจจัยบวก
+ Earnings Results: บจ. ไทยและสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ รายงานกำไร 2Q22 ออกมาดีกว่าตลาดคาด ทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นที่จะประกาศผลการดำเนินงานออกมาดี เช่น หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มค้าปลีก
ปัจจัยลบ
- Geopolitical Risk: การไปเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ส่งผลให้จีนเริ่มมีมาตรการตอบโต้ทางเศรษฐกิจต่อไต้หวันและประกาศซ้อมรบทางทหารในวันที่ 4-7 ส.ค. ในน่านน้ำและน่านฟ้าที่ล้อมรอบไต้หวันทันที (-กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์)
ประเด็นสำคัญ
- Earnings Results: USA: MGM RESORTS และ YUM! BRANDS; Thailand: LPN DOHOME STANLY THCOM
- Services & Composite PMI: เดือน ก.ค. ของ Japan EU UK และ USA
- USA: สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ คาดลดลง -6.29 แสนบาร์เรล (Vs -4.52 ล้านบาร์เรล)
Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา
- ตลาดหุ้นไทยปิดลบ: ดัชนีฯ มีความพยายามขึ้นทดสอบบริเวณใกล้ 1,600 จุด ก่อนที่จะเผชิญแรงขายทำกำไรลงมาปิดที่ 1,589.16 จุด -4.08 จุด วอลุ่มซื้อขาย 5.9 หมื่นล้านบาท นำลบโดยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -3.40% กลุ่มประกันภัยและประกันชีวิต -1.69% กลุ่มธนาคาร -0.44% กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ -0.34% หุ้นบวก >4% YONG WPH PROEN KEX ALL BBIK TSR SMT D RSP CMR หุ้นลบ >4% JTS SPACK KWM TEKA CHIC SUTHA TEAM SELIC ITEL TWP
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปกลับมาปิดลบ: DJIA -1.23% S&P500 -0.67% NASDAQ -0.16% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ปะทุขึ้น หลังแนนซี เพโลซี ประธานรัฐสภาสหรัฐฯ เดินทางเยือนไต้หวัน โดยหุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ -1.3% และกลุ่มธนาคาร -1.07% อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มผลิตอาวุธ เช่น นอร์ธรอป กรัมแมน และ ล็อคฮีด มาร์ติน รวมถึงหุ้นกลุ่มเทคฯ เช่น หุ้นอูเบอร์ เทคโนโลยีส์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับหุ้นยุโรป CAC40 -0.42% DAX -0.23% FTSE -0.06% เนื่องจากข้อมูลการผลิตที่อ่อนแอทั่วโลก ทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในประเด็นไต้หวันด้วย
+ ราคาน้ำมันดิบและทองคำปิดบวก: WTI +53 เซนต์ ปิดที่ USD94.42/บาร์เรล Brent +51 เซนต์ ปิดที่ USD100.54/บาร์เรล จากภาวะอุปทานตึงตัว หลังจากตลาดคาดว่ากลุ่มโอเปคพลัสจะไม่เพิ่มการผลิตน้ำมันอย่างที่สหรัฐฯ คาดไว้ ส่วนราคาทองคำ +USD2 ปิดที่ USD1,789.70/ออนซ์ จาก Geopolitical Risk ที่เพิ่มขึ้น หนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
ประเด็นสำคัญ
- USA: สหรัฐฯ เปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงานลดลง 605,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 10.7 ล้านตำแหน่ง ในเดือน มิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2021 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 11.14 ล้านตำแหน่ง
- China: กองทัพปลดแอกประชาชนจีน ประกาศเตรียมซ้อมรบรอบเกาะไต้หวัน ระหว่าง 12.00 น. วันพฤหัสบดี (4 ส.ค.) จนถึงเวลา 12.00 น. วันอาทิตย์ (7 ส.ค.) ตามเวลาจีน ซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง
- Thailand: กระทรวงการคลัง รายงานครม. คาดปี 2023 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 4.2% หลังการบริโภคภาคเอกชน และกำลังซื้อเริ่มกลับมา ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเริ่มปรับลดลงอยู่ที่ 2.5% ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น โดยคาดว่าปี 2023 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 19 ล้านคน ด้านการส่งออก คาดว่าปีหน้าจะขยายตัวได้ 7.9%
- Thailand: ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ประเมินว่าในปี 2022-23 ทิศทางการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยยังขยายตัวได้ แต่ในอัตราที่ชะลอลง ส่วนหนึ่งเพราะฐานสูงจากช่วงครึ่งแรกของปี 2023 ที่มีอัตราเติบโตสูงขึ้นมาก และปัจจัยท้าทายที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด อาทิ ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอย และต้นทุนดำเนินงานที่สูงขึ้น
แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)
หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: HANA COM7 BGRIM
หุ้นแนะนำเก็งกำไร: BCH PTG BAM
Derivatives: แนะถือ Long ที่เปิดไว้ต้นทุน 955 จุด