'สนธิรัตน์' แนะรัฐบาลทำงานแบบบูรณาการ

สนธิรัตน์ ชี้ ครม.เศรษฐกิจต้องทำงานแบบบูรณาการร่วมกัน ฝากการบ้านรัฐบาล 8 เดือนสุดท้ายอย่าโหมประชานิยม แนะสร้างเศรษฐกิจภายในให้เข้มแข็ง ด้านไทยสร้างไทยหนุนเร่งสร้างแต้มต่อเอสเอ็มอี พาองค์กรใหญ่เติบโตต่างประเทศ

เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ กล่าวในงานสัมมนา Thailand Survival ไทยจะรอดอย่างไรในวิกฤตโลก หัวข้อเศรษฐกิจไทยจะก้าวผ่านอย่างไร ระบุว่า ประเทศไทยเจอมาหลายวิกฤติ และเศรษฐกิจไทยไม่เคยขยายตัวได้เกิน 4% มาตั้งแต่ปี 2557 หากมองระยะยาว ผู้บริหารประเทศต้องคิดว่า อะไรคือกับดักการเติบโตของเศรษฐกิจไทย 

แม้เศรษฐกิจไทยเคยได้ถึง 4.1% ในปี 2561 แต่ถูกกดดันจากหลายเรื่อง จากปัญหาภายนอกและโควิด-19 จนเศรษฐกิจลงต่ำถึง -6.1% ขณะที่ ปัจจุบันไทยยังเจอวิกฤติหลายด้านที่ต้องวางแผนรับมือ รัฐบาลต้องยอมรับว่าจะเจอวิกฤติใหญ่ก่อนที่จะนำไปสู่การวางแผนแก้ปัญหาและรับมือ และถ้าแก้ปัญหาปัจจุบันไม่ได้จะแก้ปัญหาในอนาคตไม่ได้ ต้องฝากความหวังไว้กับ 8 เดือนสุดท้ายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ก่อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เพื่อรักษาโอกาสการแข่งขันประเทศ และสถานะของประเทศในระยะยาว

ทั้งนี้ ขอเตือนรัฐบาลในช่วงเวลา 8 เดือนสุดท้าย ต้องปรับโครงสร้างการบริหารงานของรัฐบาล ซึ่งตนเคยอยู่ในรัฐบาลนี้ จึงทราบดีว่าโครงสร้างเป็นยังไง โดยเฉพาะการเป็นรัฐบาลที่มี ครม.เศรษฐกิจแบบแยกส่วน และผ่านมา 3 ปีครึ่งแล้วก็ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง ยังทำงานแบบเดิม

โอกาสเศรษฐกิจไทยอยู่ที่เรื่องการสร้างความเข้มแข็งจากภายใน รักษาเศรษฐกิจชุมชน จ้างงาน เอสเอ็มอี การจ้างงานชุมชนควรเร่งเรื่องโรงไฟฟ้าชุมชน ซึ่งจะมีการลงทุนเป็นแสนล้านบาท รัฐไม่ต้องควักเงินเอง และช่วยเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน มาตรการนี้ ต้องผลักดันออกมาโดยเร็วที่สุด นอกจากนั้น ไทยยังมีโอกาสอีกมากในการผลักดันนโยบายพลังงานสะอาด และพลังงานทดแทน โดยช่วงที่ราคาพลังงานแพง สามารถทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด และพลังงานทดแทน

สำหรับการแก้ปัญหาปุ๋ยแพง รัฐควรซัพพอร์ตชดเชยเรื่องปุ๋ยให้ชัดเจนว่า ต่อไร่จะช่วยเหลือเท่าไหร่ ให้ส่งออกสินค้าเกษตรนำเม็ดเงินเข้าไทยได้ ส่วนการแก้ปัญหาหนี้ ต้องจัดการเชิงโครงสร้างแบบจีน ให้โอกาสเข้าถึงแหล่งทุน ลดบทบาทแก้ปัญหาโดยธนาคาร มีกองทุนฯ มาช่วย ธนาคารต้องช่วยปรับโครงสร้างหนี้ ส่วนการปรับขึ้นค่าแรง ควรเป็นเรื่องที่เหมาะสมกับทักษะแรงงาน ปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป ต้องรักษาความเข้มแข็งภายในให้ได้ รักษาความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในทั้งภาคท่องเที่ยว เอสเอ็มอี และภาคเกษตรไว้ไม่ให้ตาย

ไทยสร้างไทยหนุนสร้างแต้มต่อเอสเอ็มอี 

ด้านประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคไทยสร้างไทย สุพันธุ์ มงคลสุธี ระบุ หากวิเคราะห์ปัญหาเศรษฐกิจเกิดขึ้นพบว่ามีกลุ่มไม่มีปัญหา คือ กลุ่มส่งออก ส่วนกลุ่มที่มีปัญหา คือ ธุรกิจกลางเล็ก  SMEs มีปัญหา  ซี่งคนมีปัญหาเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศโดยจากแก้ปัญหาเศรษฐกิจคือ พลิกฟื้นรายได้ให้มากกว่ารายจ่าย ทำอย่างไรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น 

นโยบายสำคัญของพรรค คือการสนับสนุนให้ธุรกิจเอสเอ็มอีเติบโต หนุนธุรกิจที่ไทยถนัด ปรับแก้กฎหมายให้เอื้อต่อการทำธุรกิจ ต้องพลิกฟื้นแก้ปัญหาเรื่องรายได้ให้มีรายรับมากกว่ารายจ่าย ที่ต้องแก้ คือ ให้โอกาสอุตสาหกรรมไทย หรือเอสเอ็มอีได้บีโอไอง่ายขึ้น 70% จีดีพีของประเทศมาจากการส่งออกซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ 30% เป็นบริษัทต่างชาติ ซึ่งภาครัฐต้องสร้างแต้มต่อให้กับเอสเอ็มอี มีโอกาสได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอก่อน และสนับสนุนบริษัทใหญ่ไปออกไปเติบโตในต่างประเทศ ซึ่งจะสามารถสร้างอุตสาหกรรมขนาดเล็กขึ้นมาได้ สิ่งสำคัญ คือ ต้องหันกลับมามองว่า ประเทศเราถนัดอะไรต้องพุ่งเป้าในการสนับสนุน และต้องพลิกกลับมุมมองจากข้างล่างขึ้นข้างบน 

สำหรับการปรับแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ เป็นอีกหนึ่งนโยบายที่สำคัญ เห็นว่า ควรยกเลิกกฎเกณฑ์การขอใบอนุญาตจาก อย.ในการทำธุรกิจต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับยา เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจเติบโต

ด้านการท่องเที่ยวต้องเร่งการขยายจีดีพีท่องเที่ยวเป็น  20-30% ของจีดีพี ภาคการเกษตร ขยายเป็นสัดส่วน 10-20% ของจีดีพี แล้วลดการส่งออกเหลือ 40% ของจีดีพี จากปัจจุบันอยู่ที่ 70%  ไทยมีความถนัดด้านบริการท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวมหาศาล ที่ผ่านมาตนผลักดันให้มีการเปิดประเทศ ซึ่งสร้างรายได้ให้ประเทศไทยทุกเดือน 1 แสนล้านบาท แต่ทำไมปล่อยให้แพลตฟอร์มต่างประเทศมาเก็บค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทย โดยที่ไทยควรสร้างแพลตฟอร์มให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาใช้บริการ ซึ่งอาจขอความร่วมมือกับโรงแรม ร้านอาหาร เพื่อให้ได้ค่าบริการ หรือราคาที่ถูกลง เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มต่างชาติ นอกจากนี้ยังควรจัดจัดอีเว้นต์ตระดับโลกตลอดทั้งปี 12 อีเว้นต์ ทั้งแสดงสินค้า คอนเสิร์ต หรือ กีฬา