'สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย'ขอภาครัฐช่วยหนุนผู้ประกอบการรายย่อยเป็นผู้ส่งออก

นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวในหัวข้อ โอกาสและความเสี่ยงจากวิกฤติเศรษฐกิจ ในงานสัมมนา Thailand Survival ไทย..จะรอดอย่างไรในวิกฤติโลก จัดโดย เครือเนชั่น นำโดย หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ และเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (1 ส.ค.) ว่าวันนี้วิกฤตต่างๆที่ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจทำให้อันดับความสามารถในการแข่งขันของไทยในเรื่องของสมรรถนะเศรษฐกิจภาครัฐและเอกชนมีอันดับลดลง

ขณะที่วิกฤตที่เกิดขึ้นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เป็นภาคส่วนที่สำคัญของเศรษฐกิจ มีแรงงานกว่า 15 ล้านคนแต่ได้รับผลกระทบมากโดยเจอปัญหาหลายด้าน ทั้งเรื่องของปัญหารายได้ลด ต้นทุนเพิ่ม เงินเฟ้อสูง หนี้สินที่เพิ่มขึ้น และคนว่างงานเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตามหากดูในภาพใหญ่ภาคส่งออกของไทยยังไปได้แต่ ประเทศไทยส่งออกได้ 8 ล้านล้านบาท แต่รายได้จากการส่งออกของเอสเอ็มอีของไทยมีสัดส่วนแค่ 1 ล้านล้านบาท เป็นสัดส่วนที่น้อยมากเพราะคิดเป็นเพียง 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เท่านั้น

โดยในปัจจุบันมีเอสเอ็มอีของไทยมีการส่งออกตรงได้แค่ 3 หมื่นรายเท่านั้น ขณะที่เอสเอ็มอีของไทยขาดดุลการค้าคือมีการส่งออกสินค้าน้อยกว่านำเข้าโดยใน 6 เดือนที่ผ่านมาขาดดุลการค้าแล้วกว่า 3 หมื่นล้านบาท สะท้อนว่าเอสเอ็มอีของไทยไม่ได้อยู่ในซัพพายเชนการผลิตสินค้าของโลกมากเท่าที่ควร

ทั้งนี้แนวทางที่ภาครัฐต้องส่งเสริมคือการส่งเสริมผู้ประกอบการในกลุ่มของเอสเอ็มอี และไมโครเอสเอ็มอีที่มีแรงงานกว่า 2 ล้านรายมากขึ้นให้สามารถเกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการของโลกมากขึ้น

โดยการสร้างนวัตกรรม และต้องออกแบบนโยบายให้เอสเอ็มอีของไทยสามารถมีส่วนร่วมกับนโยบายสำคัญของภาครัฐ ได้แก่ นโยบาย BCG และนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 4+1 พื้นที่ของภาครัฐต้องให้เอสเอ็มอีเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย

“วันนี้ไม่ใช่ตลาดอย่างเดียวที่จะนำการผลิต แต่ว่านวัตกรรมต้องเข้ามานำการผลิตด้วย นโยบายต่างๆของภาครัฐที่ออกมาเช่นบีซีจี และเขตเศรษฐกิจพิเศษ จะให้เอสเอ็มอีเข้าไปมีส่วนร่วมได้อย่างไร เพื่อให้เอสเอ็มอีในประเทศไทยสามารถยืนหยัดได้ในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น” นายแสงชัย กล่าว