KEX ดับเครื่องชน

KEX ดับเครื่องชน

สมรภูมิ โลจิสติกส์ “ส่งด่วน ได้ไว” ในไทยเปิดหน้าศึกกันแล้ว หลังเจ้าของบริการค่ายสีส้ม KEX ฟอร์มตกเจอคู่แข่งเยอะ และทำราคาถูกกว่า บวกกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านทั้งทำงาน และเรียน เลยทำให้การสั่ง FC สินค้าเริ่มน้อยลง

รายได้กระทบเจอกำไรหายจาก Q1/2565  เจอตัวเลข พลิกเป็นขาดทุน เกือบ 500 ล้านบาท หลังเปิดหน้าเกมทำราคาค่าบริการดึงลูกค้าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2564 

สถานการณ์ดูแล้วยัง “ไม่เป็นใจ” เพราะต้องงัดไม้เด็ดสู้การแข่งขัน และยังต้นทุนที่ไม่ลดลง  ด้วยการ “ปรับราคาบริการ” เริ่มต้นไว้ที่ 15 บาท จากเดิม 19 บาท  สตาร์ทมาตั้งแต่ 18 ก.ค.

 

 

บรรดาโบรกเกอร์เห็นแบบนี้ เลยปรับราคาเป้าหมายหุ้นเป็นธรรมดา บางรายหนักหน่อยกลายเป็นปี 2565 ทั้งปีอาจจะเจอขาดทุน สวนทางกับทาง KEX งานนี้หวังผลยอดพุ่งจนทำให้คุ้มทุน และกลับมาเทิร์นอะราวด์ปลายปี

 ส่วนราคาหุ้นเจอประเด็นแบบนี้ เจอขายหุ้นออก รัวๆ  จากที่หลุดไอพีโอ 28 บาท ลงไปลึก 22.40  บาท เป็นที่เรียบร้อย

๐๐๐

หุ้นไทยถูกเทขายตั้งแต่เปิดตลาด แกว่งลบตลอดทั้งวัน ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ แถมถูกกดดันจากปัจจัยเฉพาะตัว หลังธนาคารกลางเมียนมา ออกมาตรการเข้มป้องกันเงินไหลออก หวั่นกระทบผู้ประกอบการไทย รวมทั้งเกาะติดประเด็นการเมืองอภิปรายวันแรก

โดยดัชนีฯ ปิดการซื้อขายที่ 1,533.43 จุด ลดลง 11.38 จุด หรือ 0.74% ระหว่างวันแตะระดับสูงสุดที่ 1,541.55 จุด และระดับต่ำสุดที่ 1,520.77 จุด มูลค่าการซื้อขาย 57,674.57 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติขาย 1,620.40 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขาย 1,970.52 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ ซื้อ 469.27 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อ 3,121.65 ล้านบาท

๐๐๐

หุ้นพลังงานต้นน้ำ บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) โนสน โนแคร์ ! ยืนบวกสวนทางเพื่อนๆ ได้ตลอดทั้งวัน ก่อนปิดการซื้อขาย 160 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท หรือ 1.27% หลังราคาน้ำมันดิบตลาดโลกกลับมายืนเหนือ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล อีกครั้ง

๐๐๐

ส่วนหุ้น “หมู-ไก่” ราคาดิ่งทันที หลังรมว.พาณิชย์ ส่งสัญญาณขอความร่วมมือผู้ผลิตลดราคาเนื้อหมู เนื้อไก่เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ราคาเลยกอดคอร่วงยกกลุ่ม นำโดย บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) ดิ่ง 10.94% ปิด 5.70 บาท บมจ.จีเอฟพีที (GFPT) ร่วง 9.64% ปิด 15.00 บาท ส่วนบมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ลบ 3.85% ปิด 25 บาท

๐๐๐

ข่าวใหญ่! แบงก์ชาติเมียนมา ออกมาตรการเข้มสั่งห้ามบริษัท และผู้กู้ยืมเงินรายย่อยระงับการจ่ายหนี้ทั้งเงินต้น และดอกเบี้ยให้แก่เจ้าหนี้ต่างประเทศ หวั่นกระทบบริษัทไทยที่ค้าขายกับเมียนมา ราคาไหลรูดถ้วนหน้า

ทั้งบมจ.โอสถสภา (OSP) ซึ่งมีโรงงานเครื่องดื่มในเมียนมา และมีสัดส่วนรายได้จากเมียนมาราวๆ 10% ราคาปิด 32.75 บาท ลดลง 1 บาท หรือ 2.96% เช่นเดียวกับบมจ.คาราบาว กรุ๊ป (CBG) ปิด 108.50 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 2.25% ส่วนบมจ.เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ (MEGA) มีรายได้จากการขายยาอาหารเสริมในตลาดเมียนมากว่า 30% ราคาปิด 47.25 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ 0.53%

๐๐๐

ด้านซีอีโอ OSP “วรรณิภา ภักดีบุตร” ลั่นบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการที่ออกมา ยังสามารถทำธุรกิจตามปกติ โดยการลงทุนในเมียนมา จะทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินในประเทศไทย เเละสถาบันการเงินในประเทศเมียนมา ซึ่งการชำระหนี้จะมีการเจรจากันภายใต้เงื่อนไข และข้อตกลงระหว่างบริษัท และสถาบันการเงิน ขณะเดียวกันในปัจจุบันนี้การซื้อขายในเมียนมา ใช้ได้หลายสกุลเงิน ทำให้บริษัทบริหารจัดการทางการเงินได้มากขึ้น

๐๐๐

เช่นเดียวกับ “ศุภศิษฏ์ โภคินจารุรัศมิ์” ซีอีโอ ของ บมจ.เมตะ คอร์ปอเรชั่น (META) ซึ่งทำโซลาร์ฟาร์มที่เมืองมินบู ยืนยันว่าไม่ได้ผลกระทบเช่นกัน เนื่องจากโครงการดังกล่าวไม่ได้กู้เงินจากสถาบันการเงินต่างประเทศเพื่อนำมาใช้ในการประกอบธุรกิจ

๐๐๐

ปิดท้ายด้วยหุ้นน้องใหม่ บมจ.ยงคอนกรีต (YONG) เคาะราคาไอพีโอ ออกมาแล้ว 2.50 บาท เตรียมเปิดจอง 21-22 และ 25 ก.ค. นี้ หวังระดมเงินกว่า 450 ล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงงานเพื่อขยายกำลังการผลิตคอนกรีตรวม 140 ล้านบาท คืนเงินกู้ 120 บาท ส่วนที่เหลือ 190 ล้านบาท เก็บไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์