มีโอกาสฟื้นตัวแม้ภาพรวมการลงทุนยังถูกกดดันจากความไม่แน่นอน

มีโอกาสฟื้นตัวแม้ภาพรวมการลงทุนยังถูกกดดันจากความไม่แน่นอน

IMF เตรียมปรับลดคาดการณ์ GDP โลกลงอีก มีรายงานว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตรียมปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลก (GDP) ที่จะเผยแพร่ในรายงานฉบับก.ค.ลงอีก หลังรายงานฉบับก่อนหน้า (เม.ย.) ได้ทำการปรับลด GDP โลกลงเหลือ 3.6% (จากเดิม 4.4%)

เนื่องจากผลของสงครามในยูเครน แม้โทนโดยรวมของรายงานจะเป็นลบ แต่เรามองความสำคัญของรายงานฉบับนี้จะช่วยชี้ว่าภูมิภาคใดที่จะยังมีการเติบโตสัมพัทธ์ที่ดีกว่า และมีโอกาสเป็น “หลุมหลบภัย” ให้กับเงินลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งด้วยภาพของเงินเฟ้อที่ใกล้สูงสุด เราเชื่อว่านักลงทุนส่วนหนึ่งเริ่มมองไปถึงการลงทุนหลังจากจุดต่ำสุดของตลาดรอบนี้ที่น่าจะเกิดในช่วงไตรมาส 3/65 ซึ่งไทยกับประเทศในอาเซียน ยังมีแนวโน้มที่ดีเทียบกับประเทศส่วนใหญ่โดยรวม 

แม้เปราะบาง แต่ตลาดมีโอกาสฟื้นตัวจากหลายปัจจัย แม้หุ้นไทยจะได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มผลประกอบการการที่ชะลอตัวลงและความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯที่อาจกระทบต่อภาพรวมการลงทุน แต่ประเมินระยะสั้นมีโอกาสฟื้นตัวจาก 1) ตลาดรอดูการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันที่ 21 ก.ค. อาจมีมาตการที่ช่วยลดความกังวลสถานะการคลังของประเทศในยุโรป 2) ค่าเงินสหรัฐฯ มีโอกาสชะลอการแข็งค่าจากมาตรการฝั่งยุโรป 3) อาจมีแรงซื้อกลับหลังรายงานผลประกอบการ หากหุ้นกลุ่มธนาคารไทยรายงานกำไรตามคาด และไม่มีปัญหาเรื่องของการตั้งสำรองหรือหนี้เสีย 4) ค่าเงินบาทบริเวณ 36.50-37.00 บาท/เหรียญฯ เป็นระดับที่อาจทำให้เกิดการแข็งค่ากลับ// ทั้งนี้แนวต้านสำคัญของ SET Index อยู่ที่ระดับ 1,550 จุด ซึ่งทางเทคนิคเป็นเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ การเก็งกำไรจึงยังเน้นคุมความเสี่ยงและกำหนดจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง
 

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE 2) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA 3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR, MBK 4) กลุ่มอาหารและเกษตร CPF, GFPT, TFG, TU, KSL, KTIS, KBS, BIS, ASIAN  5) หุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน BABA80, TENCENT80, CHINA, STAR5001

ภาพรวมกลยุทธ์: มีโอกาสดีดตัว ขณะที่ภาพใหญ่ยังอาจซึมลงจากการทยอยปรับประมาณการ ช่วงสั้นเม็ดเงินมีโอกาสเข้าพักหุ้นปลอดภัย (สื่อสาร ไฟฟ้า การแพทย์) ระหว่างทยอยสะสมหรือรอจุดซื้อในหุ้นที่อาจถูกขายทำกำไรจากความกังวลการระบาดโควิดรอบใหม่ รวมถึงโอกาสเกิดล็อคดาวน์รอบใหม่ที่จีน 1) กลุ่มหุ้นเปิดเมือง (ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ค้าปลีก) ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการทยอยสะสมและซื้อกลับหลังแรงทำกำไรรอบนี้ของเรา 2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน (DR และ ETF อิงหุ้นจีน) //หุ้นแนะนำ:  CPF*, RATCH*, OR*, TTCL*

แนวรับ: 1,520 / แนวต้าน : 1,550 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

ประเด็นการลงทุน

สหรัฐเผยยอดค้าปลีกพุ่งเกินคาด - ดีดตัวขึ้น 1.0% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.8% หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนพ.ค.

ซาอุดีอาระเบียเพิ่มการผลิตน้ำมัน 13 ล้านบาร์เรล/วัน - โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล ซาอูด มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย เผยในระหว่างการประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และบรรดาผู้นำจากกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ ระบุว่าจะเพิ่มการผลิตน้ำมันสูงสุดที่ 13 ล้านบาร์เรล/วัน และไม่สามารถเพิ่มการผลิตมากไปกว่านี้

หุ้นแบงก์ใหญ่ของสหรัฐฯประกาศผลประกอบการต่อเนื่อง

       เวลส์ ฟาร์โก (WFC) – กำไรลดลง 48% ในไตรมาส 2 โดยได้รับผลกระทบจากการลดลงของมูลค่าหลักทรัพย์ที่ธนาคารถือครอง และการที่ธนาคารต้องกันสำรองหนี้สูญ โดยมีกำไร 3.12 พันล้านดอลลาร์ (EPS $0.74 vs คาดการณ์ $0.80)

       ซิตี้กรุ๊ป (C) - กำไรลดลง 27% ในไตรมาส 2 โดยได้รับผลกระทบจากการกันสำรองหนี้สูญ และรายได้ที่อ่อนแอในธุรกิจวาณิชธนกิจ อย่างไรก็ดี ทางธนาคารยังคงมีกำไรและรายได้สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ (EPS $2.19 vs คาดการณ์ $1.68)

3 หุ้นอาจหลุดดัชนี SET50 หลัง TLI เข้าเกณฑ์ Fast Track – หุ้น 3 อันดับสุดท้ายในดัชนี SET50 คิดจากมาร์เก็ตแคปคือ KCE, JMART และ IRPC อาจหลุดการคำนวณดัชนีฯ หลังหุ้น “ไทยประกันชีวิต” หรือ TLI จะเข้าเทรดวันแรก 25 ก.ค. 

ตลท.ให้ KWI ใช้เกณฑ์ Cash Balance – ตั้งแต่ 18 ก.ค.-5 ส.ค.

 

ประเด็นติดตาม: 13-20 ก.ค. – รายงานงบกลุ่มแบงก์ / 19 ก.ค. – EU CPI / 20 ก.ค. – US Existing Home Sales / 21 ก.ค. - ECB Interest Rate Decision, US Initial Jobless Claims

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)