Sideways Down ซื้อเก็งกำไร SCC SCGP OTO (15 ก.ค. 65)

Sideways Down ซื้อเก็งกำไร SCC SCGP OTO (15 ก.ค. 65)

คาดดัชนีฯ Sideways Down แนวต้าน 1,545 / 1,554 จุด (EMA 10 วัน) แนวรับ 1,530 / 1,520 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไร SCC SCGP OTO ทางเทคนิค อยู่ในทิศทางขาลง (Bearish Trend) โดยจะเกิดสัญญาณขายเพิ่ม ในกรณีที่ดัชนีฯ ร่วงต่ำกว่า 1,530 จุด (ควรเปิด Short SET50 Index Futures เพื่อ Hedging พอร์ต)

โมเมนตัมลบ คือ ความกังวลต่อ เฟดเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็น 1% จากเดิม 0.75% เพื่อสกัดเงินเฟ้อในการประชุมวันที่ 27 ก.ค. และภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ ไฮไลท์วันนี้ คือ ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ จีนรายงานยอดค้าปลีก, 2Q22 GDP และอัตราการว่างงานเดือน มิ.ย. USA รายงานยอดค้าปลีกเดือน มิ.ย., ดัชนีวัดความเชื่อมั่นเดือน ก.ค. รวมถึงรายงานกำไร 2Q22 ของบจ. สหรัฐฯ และไทย

 

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ

+ KTX Portfolio: พอร์ต Big Cap แนะนำ GULF CRC AWC TCAP JMT CENTEL BH BEM AOT MEGA CPN MINT KTB BDMS (แนะนำขำย MAJOR) และพอร์ต Mid-Small Cap แนะนำ BAFS DOD NER SIS AMANAH PORT HFT AGE LST (แนะนำซื้อ AH NYT RS WICE TK)

+ 2Q22E Earnings Play: กำไรเติบโตสูง >15% YoY, 20% QoQ และมี % Upside ต่อราคาเป้าหมาย >10% แนะนำ PTT PLANB TOP CPALL BEC VGI KCE MINT SPRC MAJOR BEM ธนาคารกำไรเติบโตดี TTB SCB BBL

+/- Earnings Tactical Play: บจ.ที่ถูกปรับเพิ่มหรือลดเป้าหมายสูงสุดสัปดาห์ก่อน +SAPPE JMT PTTEP AMATA PR9 BH –CPW ITD SENA SPVI MFEC

+ กลุ่มเงินบาทอ่อนค่า: TFG GFPT ASIAN TWPC SAPPE KCE MEGA

+/- กลุ่มได้ประโยชน์จากการลดลงของยิลด์พันธบัตร (ดอกเบี้ย): +ผู้ผลิตไฟฟ้า: GULF GPSC BGRIM พัฒนาอสังหาริมทรัพย์: ORI AP LH เงินทุนและหลักทรัพย์: JMT KTC MTC –ธนาคาร, ประกันภัยและประกันชีวิต: BBL KBANK KKP BLA TIPH

+/- กลุ่มอิงการแพร่ระบาด COVID-19: +การแพทย์: BH BDMS BCH CHG RAM EKH อุปกรณ์การแพทย์: IMH STGT –กลุ่มเปิดประเทศ: AOT AAV BAFS CENTEL MINT ERW SHR

+/- กลุ่มอิงสินค้าโภคภัณฑ์: +Anti-Commodities Play: SCC SCGP TASCO GULF GPSC –กลุ่ม Commodities: PTTEP BANPU TOP SPRC ESSO

 

 

ปัจจัยบวก

+ USA: ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว 10 ปีของสหรัฐฯ และไทยที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากความกังวลต่อการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้การ De-rating ของ SET Index ลดความรุนแรงลง จาก Earning Yield Gap และมูลค่าพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น (ระยะกลางถึงยาว เป็นบวกต่อการซื้อสะสม หุ้นกลุ่ม โรงไฟฟ้า ไฟแนนซ์ และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์)

 

ปัจจัยลบ

- Oil: การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบโลกจากเหนือ USD100/บาร์เรล มาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ USD97-98/บาร์เรล เป็นปัจจัยกดดันหุ้นกลุ่มอิงน้ำมันดิบ (PTTEP TOP) และกดดันดัชนี SET Index เนื่องจากหุ้นกลุ่มอิงน้ำมันดิบ มีสัดส่วนสูงในการคำนวณดัชนี SET Index

- USDTHB: แนวโน้มเฟดเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ และการร่วงลงของสกุล อียู เนื่องจากความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจหดตัว ตลอดจนธปท. ส่งสัญญาณไม่แทรกแซงค่าเงินบาท จะส่งผลต่อทิศทางเงินบาทยังคงอ่อนค่าต่อเนื่องในระยะสั้น และทำให้ นักลงทุนต่างชาติมีโอกาสขายสุทธิตลาดทุนไทยเพิ่มขึ้น เพื่อลดความเสี่ยง FX Loss

 

ประเด็นสำคัญ

- จีน: 2Q22 GDP คาดขยายตัว 1% YoY (Vs 1Q22 ขยายตัว 4.8% YoY)

- จีน: อัตราการว่างงานเดือน มิ.ย. คาดทรงตัวอยู่ที่ 5.9%

- EU: ดุลการค้าเดือน พ.ค. คาด -31.7 พันล้านยูโร (Vs เดือน เม.ย. -32.4 พันล้านยูโร)

- USA: ยอดค้าปลีกเดือน มิ.ย. คาดขยายตัว 0.8% MoM (Vs -0.3% MoM)

 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

- ตลาดหุ้นไทยปิดลบต่อเนื่อง: ดัชนีฯ ปรับตัวลดลงตั้งแต่เปิดตลาดและกดดันดัชนีฯ ให้อยู่ในแดนลบตลอดการซื้อขาย ก่อนปิดตลาดที่ 1,536.82 จุด -9.98 จุด วอลุ่มซื้อขาย 6.1 หมื่นล้านบาท นำลบโดยกลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ -2.4% ธนาคาร -2.15% พาณิชย์ -1.53% พลังงานและสาธารณูปโภค -0.26% หุ้นบวก >4% KWI TNPC OTO PAF KWM CMAN SMT AUCT ARIN หุ้นลบ >4% SCB THANA ESSO RCL BJC BCP JTS TH ERW SELIC NRF MSC

 

+/- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดคละ ส่วนหุ้นยุโรปปิดลบ: DJIA -0.46% S&P500 -0.30% NASDAQ +0.03% โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงแรงในช่วงเปิดตลาด เนื่องจาก JP Morgan, Morgan Stanley รายงานผลประกอบการ 2Q22 ต่ำกว่าคาด โดยมีปัจจัยสนับสนุน จากประธานเฟดที่มีสิทธิ์โหวต Waller และ Bullard ส่งสัญญาณสนับสนุนเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.75% ส่วนหุ้นยุโรปปิดลบ CAC40 -1.41% DAX -1.86% FTSE -1.63% จากแรงขายของหุ้นกลุ่ม Commodity และกลุ่มธนาคาร วิตกภาวะเศรษฐกิจถดถอย และปัญหาการเมืองในอิตาลี หลังนายกฯ ดรากี้ ขอลาออก เพราะพรรคร่วมรัฐบาลไฟว์สตาร์มูฟเมนท์ ไม่เห็นชอบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

- น้ำมันดิบและทองคำกลับมาปิดลบ: WTI -52 เซนต์ ปิดที่ USD95.78/บาร์เรล Brent -47 เซนต์ ปิดที่ USD99.10/บาร์เรล จากความกังวลอุปสงค์น้ำมันดิบโลกลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเกิดภาวะถดถอย จากการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ส่วนราคาทองคำแตะระดับต่ำสุดรอบกว่า 15 เดือน -USD29.70 ปิดที่ USD1,705.80/ออนซ์ จากการแข็งค่าของเงินสกุล USD

 

ประเด็นสำคัญ

- Thailand: FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 64.57 ปรับตัวลดลง 23.1% จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ในเกณฑ์ "ซบเซา" เป็นครั้งแรกในรอบ 11 เดือน ขณะภาคท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมา คือ เงินทุนไหลเข้า ส่วนนโยบายเฟดและ COVID-19 ยังคงเป็นปัจจัยฉุดสำหรับปัจจัยฉุด

- USA: นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวว่า เขาพร้อมที่จะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% ในการประชุมเดือน ก.ค. หากข้อมูลเศรษฐกิจสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว

- USA: สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 9,000 ราย สู่ระดับ 244,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.2021 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 234,000 ราย นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวอยู่สูงกว่าระดับ 230,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน และสูงกว่า 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในสหรัฐฯ

- USA: มอร์แกน สแตนลีย์ เปิดเผยกำไรและรายได้ใน 2Q22 ต่ำกว่าที่คาด จากผลกระทบจากรายได้ที่อ่อนแอในธุรกิจวาณิชธนกิจ โดยรายงานกำไรที่ระดับ 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1.39 ดอลลาร์สหรัฐฯ/หุ้น ต่ำกว่าระดับ 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1.85 ดอลลาร์สหรัฐฯ/หุ้น ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.53 ดอลลาร์สหรัฐฯ/หุ้น นอกจากนี้ ธนาคารมีรายได้ 1.31 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.34 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

- USA: เจพีมอร์แกน เชส รายงานกำไรลดลง 28% ใน 2Q22 จากการตั้งสำรองหนี้สูญจำนวน 428 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีกำไร 2.76 ดอลลาร์สหรัฐฯ/หุ้น ต่ำกว่าระดับ 3.78 ดอลลาร์สหรัฐฯ/หุ้น ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.88 ดอลลาร์สหรัฐฯ/หุ้น โดยมีรายได้ 3.163 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.195 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

แนะนา Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: GPSC SCC KKP BDMS

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: SCC SCGP OTO

Derivatives: แนะถือ Short S50U22 เก็งกำไร