"อุตตม"ชี้โจทย์ใหญ่ชาติ ทำให้นักลงทุนมั่นใจไทยมียุทธศาสตร์ก้าวพ้นวิกฤติ

"อุตตม"ชี้โจทย์ใหญ่ชาติ ทำให้นักลงทุนมั่นใจไทยมียุทธศาสตร์ก้าวพ้นวิกฤติ

"อุตตม"หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย สรุปเวทีสัมมนา “เจาะลึกวิกฤติ ร่วมคิดทางออก” ชี้โจทย์ใหญ่ ต้องทำให้นักลงทุนมั่นใจว่า ประเทศไทยมียุทธศาสตร์ที่จะนำพาชาติก้าวพ้นวิกฤติ และเปลี่ยนแปลงให้ทันโลก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้(14 ก.ค.) ดร.อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า  วันนี้ผมขอพูดถึงเวทีเสวนา “เจาะลึกวิกฤติ ร่วมคิดทางออก” ที่พรรคสร้างอนาคตไทย จัดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา ผมต้องขอขอบคุณ อาจารย์บัณฑิต นิจถาวร ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมหภาค และอดีตรองผู้ว่าการ ธปท. คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น คุณกิตติ พรศิวะกิจ  ประธาน Smart Tourism สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และคุณแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ที่มาร่วมถก ร่วมคิดหาทางออกให้ประเทศ หลุดพ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจ ปัญหาของประชาชนได้รับการแก้ไข และเพื่อประเทศไทยสามารถก้าวหน้าพัฒนาต่อไปได้อย่างทันโลก

โดยผมหวังว่ามุมมองข้อเสนอแนะจากการเสวนาครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่มีความสนใจ และเป็นห่วงใยต่ออนาคตประเทศ วิทยากรซึ่งมาจากภาคส่วนต่างๆ ในระบบเศรษฐกิจเห็นร่วมกันว่า ภาวะวิกฤติที่เรากำลังเผชิญอยู่นั้นจะไม่จบลงในเวลาสั้นๆ และจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากภาครัฐด้วยการดำเนินนโยบายสาธารณะที่ดีมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การฟื้นตัวเกิดขึ้นได้จริงไม่ชักช้าในทุกภาคส่วน ขณะเดียวกันในวิกฤตินี้ก็ยังมีโอกาสดีๆ ที่เราควรเร่งใช้ประโยชน์ได้ หากผู้ที่เกี่ยวข้องจากทั้งภาครัฐ และเอกชนร่วมกันทำงานอย่างจริงจัง ด้วยเป้าหมาย และยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน ผมเห็นด้วยกับท่านวิทยากรอย่างยิ่ง และมีความเห็นเพิ่มเติมดังนี้ ครับ 

\"อุตตม\"ชี้โจทย์ใหญ่ชาติ ทำให้นักลงทุนมั่นใจไทยมียุทธศาสตร์ก้าวพ้นวิกฤติ

 

 วันนี้โจทย์ใหญ่ของประเทศไทยคือ เราจะต้องก้าวพ้นวิกฤติให้สำเร็จ และสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาให้ทันโลก ซึ่งหากเรายังคิดอยู่ในกรอบเดิมๆ บริหารจัดการแบบเดิมๆ เช่น ในสภาวะปกติ ไม่กล้าที่จะเปลี่ยนแนวคิด ปรับเปลี่ยนวิธีการให้เหมาะสมกับสถานการณ์จริง ก็เชื่อได้ว่าจะได้ผลแบบเดิมๆ ไม่สามารถหวังจะตอบโจทย์ความท้าทายที่เรากำลังเผชิญได้ตรงจุด และทันเวลา  

วันนี้จึงเป็นเวลาขับเคลื่อนการสร้างความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจที่จะเป็นหัวจักรการแก้ไขปัญหา และพัฒนาประเทศในอนาคต เช่น ที่วิทยากรท่านหนึ่งพูดถึงศักยภาพด้านการลงทุนของประเทศไทยที่มีอยู่มากมาย และเราน่าจะเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนมาก แต่การที่เราจะชักชวนนักลงทุนด้วยแนวคิด และขบวนการส่งเสริมแบบเดิมๆ จะไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะหลายประเทศซึ่งถือเป็นคู่แข่งของเรา เขาทำมากกว่านั้น ผมเชื่อว่ามีความจำเป็นในภาวะปัจจุบันที่ภาครัฐจะต้องเป็นผู้นำริเริ่มการทำงานกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด ร่วมกันกำหนดเป้าหมาย และเดินยุทธศาสตร์แผนปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพแท้จริง 

การขับเคลื่อนเชิงรุกด้วยยุทธศาสตร์ใหม่ๆ ที่เชื่อมโยงระหว่างกันทั้งระบบจึงเป็นเรื่องเร่งด่วน ร่วมกันทำให้ประเทศไทยเป็นที่น่าสนใจชั้นแนวหน้า ไม่ตกไปอยู่ขอบเวที โดยผมเห็นว่าความท้าทายสำคัญขณะนี้คือ  การเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการนักลงทุนทั้งภายใน และต่างประเทศว่า ประเทศไทยจะก้าวพ้นวิกฤติครั้งนี้ด้วยความสำเร็จความเข้มแข็งไม่แพ้ประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 
 

 นอกจากนี้ ต้องทำให้ภาคธุรกิจ และนักลงทุนเกิดความมั่นใจว่า ประเทศไทยมียุทธศาสตร์การพัฒนาที่เหมาะสม สามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพที่มีอยู่ได้เต็มที่ รวมทั้งเป็นที่ประจักษ์ว่า ประเทศไทยจะมีผู้บริหารจัดการนโยบาย และรับผิดชอบขับเคลื่อนการพัฒนาให้เกิดขึ้น และบรรลุผลได้อย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญยิ่งในการที่ประเทศจะหลุดพ้นจากภาวะวิกฤติ และประสบความสำเร็จต่อไปในอนาคตนั้น การดำเนินการในทุกระดับ นับแต่การกำหนดนโยบาย การปฏิบัติงานในทุกด้าน จะต้องอยู่บนพื้นฐานของธรรมาภิบาลที่เข้มแข็ง เพราะที่ผ่านมาเราได้เห็นแล้วว่าการละเลยธรรมาภิบาลคือ สาเหตุสำคัญที่ทำให้ประเทศต้องเผชิญกับปัญหา และเกิดความชะงักงันในการพัฒนาประเทศเป็นระยะๆ วันนี้หากเราต้องการหลุดพ้นจากวิกฤติไปด้วยกัน เราต้องร่วมกันสร้าง และสนับสนุนธรรมาภิบาลให้เป็นพื้นฐานที่มั่นคงในทุกมิติ ไม่เพียงด้านเศรษฐกิจ แต่รวมถึงด้านการเมือง และสังคมอีกด้วย

 

 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์