"ประยุทธ์" ชื่นชม 5 จังหวัดนำร่อง แก้ปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้า

"ประยุทธ์" ชื่นชม 5 จังหวัดนำร่อง แก้ปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้า

"ประยุทธ์" ชื่นชมผลการดำเนินงานการขจัดความยากจนแบบพุ่งเป้า 5 จังหวัด นำร่อง ตามนโยบายรัฐบาล แก้ปัญหาแล้ว 602,572 ครัวเรือน 92.37% ย้ำเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่อเนื่อง ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (12 กรกฎาคม 2565) เวลา 08.45 น. ณ โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เยี่ยมชมนิทรรศการ “การขับเคลื่อนการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ของศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.)

โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

พร้อมด้วย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน คณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม

นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมนิทรรศการภาพรวมการดำเนินงานขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในมิติต่าง ๆ ของ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตราด จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดพังงา จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดอำนาจเจริญ ประกอบด้วย

1) มิติสุขภาพ เช่น การส่งเสริมสุขภาพเชิงรุก การสนับสนุนอุปกรณ์การออกกำลังกาย การให้ความรู้เรื่องการใช้ยาที่ถูกต้อง

2) มิติความเป็นอยู่ เช่น การพัฒนาบ้านเรือนให้ถูกสุขลักษณะ การปรับปรุงภูมิทัศน์ การซ่อมแซมปรับปรุงสร้างที่อยู่อาศัย การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค

3) มิติการศึกษา เช่น การจัดกลุ่มสนใจการอ่านเขียนขั้นพื้นฐาน ส่งเสริมการเรียนในระบบกศน. ฝึกอบรมหลักสูตรฝีมือแรงงานระยะสั้น ส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์ และสนับสนุนทุนการศึกษา

4) มิติรายได้ เช่น สนับสนุนการปลูกพืชหลังฤดูเก็บเกี่ยว สนับสนุนพันธุ์พืช-พันธุ์สัตว์ ขุดบ่อน้ำเพื่อใช้ในการเกษตร ให้ความรู้สนับสนุนเงินทุนการประกอบอาชีพระยะสั้น

5) มิติการเข้าถึงบริการภาครัฐ เช่น ให้การสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ผู้พิการ ให้การสงเคราะห์เครื่องอุปโภคบริโภครายเดือน การติดตามดูแลโดยชุมชน และประสานหน่วยงานออกหลักฐานทางทะเบียนราษฎร์ เป็นต้น

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนการดำเนินงานขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

เพื่อการแก้ปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้าแต่ละครัวเรือน โดยให้ทุกจังหวัดใช้ข้อมูลจากระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (Thai People Map and Analytics Platform) หรือ TPMAP เป็นฐานข้อมูลในการขับเคลื่อนและจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาความยากจน และต้องกำกับติดตามเพื่อทำให้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้รับการแก้ไขเกิดผลเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของรัฐบาลที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องด้วยการบูรณาการทำงานร่วมกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

เพื่อให้ประชาชนอยู่รอด ปลอดภัย พอเพียง ยั่งยืน โดยได้ขอให้สร้างการรับรู้ สื่อสาร ประชาสัมพันธ์ ทุกช่องทาง เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความยากจนให้เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย พร้อมขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ทุกฝ่าย ที่ร่วมกันดำเนินการจนประสบความสำเร็จ และขอให้ดำเนินการต่อไปให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข 

โอกาสนี้ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มอบงบประมาณสนับสนุนจำนวน 16,600,000 บาท สำหรับใช้ในการสร้างบ้านตาม “โครงการบ้านห่วงใย จากใจ GLO” เนื่องในโอกาสครบรอบ 83 ปีสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และเป็นการบูรณาการให้ความช่วยเหลือครัวเรือนยากจนที่ประสบปัญหาด้านที่อยู่อาศัย จำนวน 83 ครัวเรือน

สำหรับการดำเนินงานของ ศจพ. ในระดับพื้นที่ ได้มีการขับเคลื่อนการดำเนินงานฯ โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่ต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือ จำนวน 1,028,019 คน 652,344 ครัวเรือน จำแนกเป็น กลุ่มเป้าหมายที่ประสบปัญหาใน

  • มิติสุขภาพ จำนวน 149,137 ครัวเรือน
  • มิติความเป็นอยู่ จำนวน 146,400 ครัวเรือน
  • มิติการศึกษา จำนวน 153,050 ครัวเรือน
  • มิติรายได้ จำนวน 320,615 ครัวเรือน
  • มิติการเข้าถึงบริการภาครัฐ จำนวน 2,283 ครัวเรือน

และขณะนี้อยู่ในช่วงดำเนินการให้ความช่วยเหลือ (1 พฤษภาคม – 30 กันยายน 2565) ซึ่งข้อมูลในระบบ TPMAP ณ วันที่ 3 กรกฎาคม 2565 ได้ให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้ครัวเรือนเป้าหมายไปแล้ว จำนวน 602,572 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 92.37 โดยจะเร่งดำเนินการช่วยเหลือให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2565 นี้