ตลาดเคลื่อนไหวระหว่างโอกาสเกิดและไม่เกิดเศรษฐกิจถดถอย 

ตลาดเคลื่อนไหวระหว่างโอกาสเกิดและไม่เกิดเศรษฐกิจถดถอย 

ลุ้นตัวเลขเศรษฐกิจที่จะช่วยลดความกังวลเศรษฐกิจถดถอย ตลาดหุ้นโลกฟื้นตัวหลังหุ้นจำนวนมากปรับลดลงจนเริ่มอยู่ในระดับมูลค่า (Valuation) ที่จูงใจ

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างความกังวลเงินเฟ้อจะก่อเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ประกอบกับสัญญาณจากตลาดพันธบัตรที่เกิดภาวะผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นสูงกว่าระยะยาว (Inverted yield curve) ที่เป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้า จะทำให้ตลาดระยะสั้นให้น้ำหนักกับตัวเลขเศรษฐกิจที่คลายความกังวลเกี่ยวกับการเติบโต ทำให้หากการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm payroll) เดือนมิ.ย. คืนนี้ออกมาสูงกว่าคาดการณ์ที่ 268,000 ราย (จากเดือนพ.ค.ที่ 390,000 ราย) ตลาดมีโอกาสจะมองเป็นบวก 

 

เน้นเลือกลงทุนรายตัว หุ้นปลอดภัยคาดทรงตัวดี ขณะที่หุ้นเปิดเมืองเป็นเป้าหมายการซื้อกลับหลังแรงขายทำกำไรรอบนี้ คาดกลุ่มที่จะทรงตัวได้ดีถึงมีโอกาสปรับขึ้นในรอบนี้ ได้แก่ กลุ่มหุ้นปลอดภัยและอาหาร ได้แก่ สื่อสาร, โรงไฟฟ้า และโรงพยาบาล โดยหุ้นที่เราชอบได้แก่ ADVANC, INTUCH, BGRIM, GPSC, BCH, CHG, RAM, BDMS เป็นต้น สำหรับกลุ่มเปิดเมือง ท่องเที่ยว และห้างสรรพสินค้า ช่วงสั้นอาจเผชิญแรงขายทำกำไรจากความกังวลการระบาดของโควิดระลอกใหม่ แต่เรามองเป็นเป้าหมายในการทยอยซื้อแบบตั้งรับ โดยหุ้นที่เราชอบ ได้แก่ SPA, VRANDA, MINT, ERW, CENTEL, MBK, CPN, CRC เป็นต้น
 

 

 

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE 2) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA 3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR, MBK 4) กลุ่มอาหารและเกษตร CPF, GFPT, TFG, TU, KSL, KTIS, KBS, BIS, ASIAN  5) หุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน BABA80, TENCENT80, CHINA, STAR5001

 

ภาพรวมกลยุทธ์: ทดสอบ 1,570 จุด ถ้าผ่านจะมีโอกาสยกกรอบการเล่น เม็ดเงินสลับระหว่างหุ้นปลอดภัย (สื่อสาร ไฟฟ้า การแพทย์) กับกลุ่มหุ้นเปิดเมือง (ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ค้าปลีก) ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการทยอยสะสมและซื้อกลับหลังแรงทำกำไรรอบนี้ของเรา หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน (DR และ ETF อิงหุ้นจีน) ยังมีแนวโน้มโดดเด่น //หุ้นแนะนำ:  CPF*, MAKRO*, TTCL*, BABA80*

แนวรับ: 1,550 / แนวต้าน : 1,570-1,565 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

ประเด็นการลงทุน

ตลาดบอนด์สหรัฐเกิด inverted yield curve วันที่ 3 ติดต่อกัน - ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีพุ่งทะลุ 3% และดีดตัวสูงกว่าอายุ 5 ปีและ 10 ปี ท่ามกลางความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญภาวะถดถอยจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด - เพิ่มขึ้น 4,000 ราย สู่ระดับ 235,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 230,000 ราย

เยอรมนีเตรียมออกก.ม.พลังงาน 2 ฉบับ แก้ปัญหาขาดก๊าซฤดูหนาว - เพื่อจัดการกับปัญหาฉุกเฉินด้านพลังงาน อันเนื่องมาจากซัพพลายพลังงานจากรัสเซียที่ลดลง ท่ามกลางความตึงเครียดของสงครามในยูเครน จะอนุญาตให้มีการเปิดใช้งานโรงไฟฟ้าถ่านหินได้มากขึ้น โดยโรงไฟฟ้าหลายแห่งที่ถูกสั่งให้ปิดตามกฎหมายว่าด้วยสภาพอากาศนั้นอาจกลับมาเปิดดำเนินการแทนได้ หากประเทศขาดแคลนก๊าซในฤดูหนาวและจำเป็นต้องนำโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติไปใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตที่สำคัญ ทั้งนี้ ต้องได้รับการอนุมัติจากสภาสูงในวันศุกร์นี้ (8 ก.ค.) จึงจะมีผลบังคับใช้

"บอริส จอห์นสัน" ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกฯอังกฤษแล้ว - หลังจากที่รัฐมนตรีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษจำนวนเกือบ 60 รายประกาศลาออก

เซี่ยงไฮ้อาจล็อกดาวน์อีกครั้ง – หลังผู้ติดเชื้อพุ่งสองเท่าในวันเดียว เป็นการติดเชื้อสูงสุดตั้งแต่เดือน พ.ค. 65 เพิ่มความกังวลล็อกดาวน์จากการใช้นโยบาย Covid Zero  

ศาลเคาะล้มประมูลสายสีส้มไม่ชอบด้วยกฎหมาย - บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ฟ้องคณะกรรมการคัดเลือก กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีมีมติยกเลิกการประมูลในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ยกเลิกประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐ และเอกชน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ และยกเลิกการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน 

UOB Kay Hian  มองส่งผลบวกต่อ BTS และลบต่อ BEM จากความน่าจะเป็นที่ BEM จะเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มลดลง

หุ้นที่มีโอกาสเข้าเกณฑ์ Cash Balance - ได้แก่ JAS

 

ประเด็นติดตาม: 8 ก.ค. – US Participation Rate, US Unemployment Rate, ECB President Lagarde Speaks / 13 ก.ค. - US CPI / 13-20 ก.ค. – รายงานงบกลุ่มแบงก์ / 14 ก.ค. – US PPI, China GDP / 15 ก.ค. - US Retail Sales

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)