ARROW ราคาวัตถุดิบเหล็กกดดันผลประกอบการ

ARROW ราคาวัตถุดิบเหล็กกดดันผลประกอบการ

งวด 1Q22 มีรายได้จากการดำเนินงาน เท่ากับ 327.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +15.3%QoQ และ +11.5%YoY จากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลาย ประกอบกับงานโครงการก่อสร้างที่เริ่มกลับมา ส่งผลให้ลูกค้ามีความต้องการใช้สินค้าเพิ่มขึ้น

ด้านอัตรากำไรขั้นต้นทำได้ที่ระดับ 19.5% ลดลงจาก 24.0% ในไตรมาสก่อน และ 30.2% ใน 1Q21 โดยมีสาเหตุหลักจากต้นทุนวัตถุดิบเหล็กมีราคาสูงขึ้น ขณะที่การปรับราคาขายสินค้าบางรายการทำได้ช้ากว่า อย่างไรก็ตาม บริษัทมีนโยบายปรับราคาขายให้เป็นไปตามราคาตลาดควบคู่กับการรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับที่สามารถแข่งขันได้ในส่วนของ %SG&A อยู่ที่ 10.9% ปรับตัวดีขึ้นจาก 17.5% ใน 4Q21 และ 13.5% ใน 1Q21 เนื่องจาก ค่าเสื่อมราคาลดลง การลดลงของค่าใช้จ่ายสำรองการจ่ายโดยใช้หุ้นเป็นเกณฑ์จากโครงการ ESOP ของบริษัท และหนี้สงสัยจะสูญลดลง ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 1Q22 เท่ากับ 30.3 ล้านบาท เติบโต +132.5%QoQ แต่ชะลอตัว -29.2%YoY

 

-  แนวโน้มผลประกอบการปี 22 ถูกกดันจากราคาวัตถุดิบเหล็ก
 

บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นปี 22 ให้อยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 20% (เราใช้สมมติฐานที่ 22%)โดยบริษัทได้มีการเจรจากับลูกค้าบางส่วนเพื่อที่จะยกเลิกคำสั่งซื้อล่วงหน้า เพื่อที่จะลดผลกระทบจากสถานการณ์ราคาต้นทุนวัตถุดิบที่มีความผันผวนมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นบริษัทยังเน้นด้านการประหยัดพลังงานโดยได้ลงทุนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ซึ่งติดตั้งแล้วเสร็จในช่วงเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา และได้รับการสนับสนุนจาก BOI เราประมาณการรายได้ปี 22 ที่ระดับ  1,206.8 ล้านบาท +19.0%YoY พร้อมคาดกำไรสุทธิที่ 117.8 ล้านบาท ชะลอตัว -14.3%YoY 
 

-  ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” ราคาเหมาะสมปี 22 เท่ากับ 7.40 บาท
 

ผลประกอบการในภาพรวมยังถูกกดดันจากราคาวัตถุดิบเหล็กที่ปรับตัวขึ้น เราประเมินราคาเหมาะสมอิง PER ที่ 16 เท่า (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี) ภายใต้สมมติฐานประมาณการปี 22 ราคาเหมาะสมเท่ากับ 7.40 บาท ต่ำกว่าราคาหุ้นในปัจจุบัน แต่ยังคาดหวังอัตราปันผลราว 4% ต่อปี ปรับคำแนะนำจาก “ซื้อ” เป็น “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” 


ความเสี่ยง

i)    การบังคับใช้มาตรการ AD ในสินค้าเหล็กอาบสังกะสี 
ii)    ราคาวัตถุดิบเหล็กผันผวน 
iii)    การลงทุนภาครัฐล่าช้ากว่าแผน