ธอส. ชี้หมดยุคดอกเบี้ยเงินกู้ ‘คงที่’

แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้ทุกธนาคารรวมถึง ธอส. จะไม่สามารถ กำหนดอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่เหมือนในอดีตได้

กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. ฉัตรชัย ศิริไล ระบุ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้ทุกธนาคารรวมถึง ธอส. จะไม่สามารถ กำหนดอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่เหมือนในอดีตได้ เนื่องจาก เมื่อมีการปรับดอกเบี้ยในตลาด ทำให้ธนาคารต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากตามไปด้วย เพื่อรักษาฐานลูกค้าเงินฝาก

“เมื่อปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากขึ้น ทำให้ธนาคารมีต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น จึงจำเป็นต้องปรับดอกเบี้ยเงินกู้ตาม และในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น การคงที่ ดอกเบี้ยเงินกู้แบบที่เคยทำมาในอดีตจึงไม่สามารถทำได้ เพราะต้นทุนธนาคารอาจเปลี่ยนแปลงตามภาวะดอกเบี้ยในแต่ละช่วง”

แนวโน้มแนวอัตราดอกเบี้ยเงินกู้บ้านอาจจะปรับตัวสูงขึ้น ตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นในขณะนี้ แต่เชื่อว่า จะไม่ขึ้นสูงเท่ากับช่วงฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในช่วงก่อนปี 2540

ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านของ ธอส.อยู่เฉลี่ยที่ 3% ซึ่งหากคณะกรรมการนโยบายการเงินหรือ กนง. ปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 0.25%ในรอบหน้าเดือนส.ค. แต่ธอส.จะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยทันที แต่จะปรับขึ้นในเดือนต.ค.และจะปรับขึ้นเพียง 0.15% 

อย่างไรก็ดี อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น จะไม่กระทบต่อเงินงวดผ่อนชำระของผู้กู้ เนื่องจาก การคำนวณเงินงวดผ่อนชำระของผู้กู้นั้น ธอส.ได้คำนวณเผื่อกรณีมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น เช่น หากเป็นกรณีธนาคารพาณิชย์ วงเงินกู้ 1 ล้านบาท จะผ่อนชำระราว 3 พันบาท แต่ถ้าเป็น ธอส.เงินงวดผ่อนชำระ อาจอยู่ที่ 3,800 บาท

หากดอกเบี้ยปรับขึ้นเพียง 0.15% ก็ไม่กระทบเงินงวดผ่อนชำระของธนาคาร แต่หากดอกเบี้ยต้องปรับขึ้นไปถึง 0.50% จะส่งผลกระทบต่อเงินงวดผ่อนชำระของลูกค้าที่ต้องปรับสูงขึ้น

สถานการณ์อัตราดอกเบี้ยขาขึ้นในขณะนี้ จะไม่กระทบรุนแรงเหมือนในช่วงวิกฤติที่เกิดจากฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในช่วงปี 2539-2540 ที่ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้นมากถึง 9 –10% แต่ขณะนี้ไทยไม่มีปัญหาในเรื่องฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ แต่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก ทั้งจากผลกระทบจากโควิด และผลกระทบจากสงครามรัสเซียและยูเครน

 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์