'เทสลา' บันทึกขาดทุน 1.56 หมื่นล้านบาท หลังบิตคอยน์ร่วงแตะ 1.9 หมื่นดอลล์

'เทสลา' บันทึกขาดทุน 1.56 หมื่นล้านบาท หลังบิตคอยน์ร่วงแตะ 1.9 หมื่นดอลล์

'เทสลา' บันทึกขาดทุนทางบัญชี 1.56 หมื่นล้านบาท หลังบิตคอยน์ร่วงแตะ 19,000 ดอลลาร์ ทำให้มีมูลค่าบิตคอยน์ที่บริษัทถือครองลดลงกว่าครึ่ง ไปอยู่ที่ประมาณ 820.8 ล้านดอลลาร์  อ้างปลดพนักงาน 10% เพื่อนำเงินสดลงทุนในโรงงานใหม่ที่เบอร์ลินและเท็กซัส

เว็บไซต์ telegraph.co.uk รายงานว่า บริษัท เทสลา มอเตอร์ (Tesla, Inc.) ของ นายอีลอน มัสก์ ได้โดนบันทึกขาดทุนทางบัญชี มูลค่า 440 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 1.56 หมื่นล้านบาท เนื่องจากการถือครองบิตคอยน์ที่มูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลตกต่ำอย่างน่ากังวลใจ

บริษัทเทสลาซื้อบิตคอยน์มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์เมื่อต้นปีที่แล้ว ในช่วงที่ราคาบิตคอยน์มีความผันผวนอย่างรุนแรง ทำให้บริษัทตัดสินใจย้ายเงินสดสำรองบางส่วนไปเป็นสกุลเงินดิจิตอลแทน

แต่การเดิมพันของผู้ผลิตรถยนต์กลับกลายเป็นการสูญเสียอย่างหนักในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากบอตคอยน์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน

โดยวันที่ 30 มิ.ย. 2565 วันสุดท้ายของไตรมาส 2 ของปี 2565 ของบริษัทเทสลา  ขณะนั้นบิตคอยน์มีราคาซื้อขายอยู่ที่ 19,000 ดอลลาร์ ต่อ 1 บิตคอยน์ ทำให้การลงทุนบิตคอยน์ของบริษัทมีมูลค่าลดลงกว่าครึ่ง ไปอยู่ที่ประมาณ 820.8 ล้านดอลลาร์ 

บริษัทบันทึกมูลค่าของบิตคอยน์ไว้ที่ 1.26 พันล้านดอลลาร์เมื่อสามเดือนที่แล้ว ในขณะที่มูลค่าตลาดของการถือครองอยู่ที่เกือบ 2 พันล้านดอลลาร์ แนวทางปฏิบัติทางบัญชีหมายความ ว่าบริษัทไม่ได้ลงทะเบียนกำไรจากการลงทุนจนกว่าจะขายออก

หมายความว่า Tesla มีแนวโน้มที่จะบันทึกขาดทุนทางบัญชี ประมาณ 440 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 1.56 หมื่นล้านบาท

เทสลาเคยยอมรับบิตคอยน์เป็นวิธีการชำระเงินในช่วงสั้น ๆ เมื่อปีที่แล้ว แต่ระงับการใช้งานหลังจากนายมัสค์แจ้งข้อกังวลเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในการทำธุรกรรม 

บริษัทจำนวนหนึ่งที่ได้แปลงเงินสดสำรองบางส่วนเป็นบิตคอยน์ เช่น Jack Dorsey's Block, Coinbase และบริษัทซอฟต์แวร์ MicroStrategy ต่างก็ได้รับความเดือดร้อนจากการตกต่ำของสกุลเงินดิจิทัล โดยมูลค่ารวม 1.3 ล้านล้านดอลลาร์หายไปจากตลาดคริปโทในปีนี้

นายมัสค์กล่าวว่า เทสลาจำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานที่ได้รับเงินเดือนประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากโรงงานที่เพิ่งเปิดใหม่ในเบอร์ลินและเท็กซัสต้องใช้เงินสดในการลงทุนจำนวนมหาศาล และผู้บริหารระดับสูงของเทสลาคาดการณ์ว่าสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย