เศรษฐกิจสหรัฐถดถอย ต่อคิว “น้ำมัน” มากระทบไทย

เศรษฐกิจสหรัฐถดถอย ต่อคิว “น้ำมัน” มากระทบไทย

ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยสหรัฐเป็นตลาดส่งออกใหญ่อันดับ 1 ของไทย ดังนั้น แผนรับมือเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยจึงเป็นภารกิจสำคัญของรัฐบาลต่อจากการรับมือวิกฤติน้ำมัน

สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เริ่มมาตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ.2565 และยังอยู่ในสถานการณ์ที่ยืดเยื้อ ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกช่วงที่ผ่านมาปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและทรงตัวอยู่ในระดับสูง

หลายประเทศทั่วโลกที่ต้องพึ่งพาพลังงานนำเข้าไปรับผลกระทบและความบอบช้ำไปตามกัน จึงเกิดปรากฏการณ์ปัญหาเงินเฟ้อสูงทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่อัตราเงินเฟ้อล่าสุดในเดือน พ.ค.2565 สูงถึง 7.1% เป็นการปรับตัวสูงขึ้นจากราคาสินค้าหมวดพลังงานแพงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ที่ผ่านมา รัฐบาลใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการดูแลราคาพลังงาน โดยสถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะติดลบ 100,000 ล้านบาท ภายในเดือน มิ.ย.2565 หลังจากที่ในส่วนบัญชีน้ำมันที่มีการเก็บเงินจากผู้ใช้เบนซินเข้ากองทุน และมีการใช้เงินจากกองทุนเพื่ออุดหนุนราคาดีเซลในระดับที่สูง ทำให้บัญชีน้ำมันติดลบประมาณ 60,000 ล้านบาท

ในขณะที่การอุดหนุนราคาดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 11.31 บาท ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมากแม้ว่าจะมีการขยับราคาขายปลีกดีเซลขึ้นมาชนเพดานที่ลิตรละ 35 บาท

สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ผู้ผลิตสินค้าจำนวนไม่น้อยยื่นเรื่องต่อกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอปรับขึ้นราคาสินค้า

มีสินค้าบางรายการที่อนุญาตให้ปรับราคาขึ้น เช่น ปุ๋ย รวมทั้งทำให้ผู้ประกอบการรถร่วม บขส. ออกมาประกาศลดการเดินรถลง 80% ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2565 เพราะแบกรับต้นทุนราคาน้ำมันที่สูงขึ้นไม่ไหว รวมถึงผู้ประกอบการเรือด่วนเจ้าพระยาที่มีการปรับขึ้นค่าโดยสารเช่นเดียวกัน จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลจะบูรณาการรับมือให้ได้

ในขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยจะเป็นอีกปัญหาที่รัฐบาลจำเป็นต้องเตรียมแผนรับมือ ซึ่งได้เห็นสัญญาแล้วจากสถานการณ์เงินเฟ้อในสหรัฐที่อยู่ระดับสูง และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้นเพื่อสู้กับเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น

ความเคลื่อนไหวของเฟด สะท้อนถึงความผันผวนของเศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังจะเกิดขึ้นในระยะต่อไป หลังจากเงินเฟ้อของสหรัฐในไตรมาส 1 ปี 2565 สูงถึง 8% และสูงที่สุดในรอบ 40 ปี รวมทั้งประชาชนสหรัฐมีการออมและกำลังซื้อที่ลดลง

การที่เศรษฐกิจสหรัฐมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลก ทำให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยสหรัฐเป็นตลาดส่งออกใหญ่อันดับ 1 ของไทย ซึ่งในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2565 มีมูลค่า 15,503 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วน 15.96% ของการส่งออกไทยทั้งหมด

การส่งออกยังเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปี 2565 ในภาวะที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวแบบช้าๆ ดังนั้น แผนรับมือเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยจึงเป็นภารกิจสำคัญของรัฐบาลต่อจากการรับมือวิกฤติน้ำมัน