เอลซัลวาดอร์ เตรียมชำระหนี้ 1 พันล้านดอลล์ หลังทุ่ม 425 ล้านดอลล์ให้ บิตคอยน์

เอลซัลวาดอร์ เตรียมชำระหนี้ 1 พันล้านดอลล์ หลังทุ่ม 425 ล้านดอลล์ให้ บิตคอยน์

เอลซัลวาดอร์ เร่งหาเงินสด เตรียมชำระหนี้ 1 พันล้านดอลล์ ในปีนี้ จากไม่สามารถพิมพ์เงินเองได้ หลังทุ่ม 425 ล้านดอลล์ให้ 'บิตคอยน์' แต่ราคาลดลงกว่า 70% -ตัวเลขการใช้จ่ายคริปโทในประเทศเคลื่อนไหวลดลง แต่บิตคอยน์ดูดนักท่องเที่ยว ดึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 30%

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ประเทศเอลซัลวาดอร์เดิมพันความอยู่รอดทางเศรษฐกิจด้วยบิตคอยน์แต่จนถึงตอนนี้ การพนันยังไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล่ หวังไว้

เงินในกองทุนคริปโทของรัฐบาลลดลงครึ่งหนึ่ง และการยอมรับบิตคอยน์ทั่วประเทศไม่ได้เกิดขึ้นจริง ที่สำคัญ คือ ตอนนี้ประเทศต้องการเงินสดจำนวนมาก เพื่อชำระหนี้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในปีหน้า ปัญหานี้เกิดขึ้นเนื่องจากราคาของ บิตคอนย์ลดลงมากกว่า 70% จากจุดสูงสุดในเดือนพ.ย. 2564 และลดลงมามากกว่า 55% 

ในขณะเดียวกัน การเติบโตทางเศรษฐกิจของเอลซัลวาดอร์ลดลง การขาดดุลยังคงอยู่ในระดับสูงและอัตราส่วนหนี้สินต่อจีดีพีของประเทศ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดหลักที่ใช้เปรียบเทียบสิ่งที่ประเทศเป็นหนี้ คาดว่าจะแตะระดับเกือบ 87% ในปีนี้ ทำให้เกิดความกังวลว่าเอลซัลวาดอร์ไม่พร้อมที่จะชำระหนี้เงินกู้

“การใช้บิตคอยน์ไม่ได้ผลทั้งหมด” โบอาซ โซบราโด นักวิเคราะห์ข้อมูลฟินเทคในลอนดอนระบุ

รัฐบาลกำลังเข้าใกล้ความหายนะทางการเงิน ซึ่งไม่ใช่ความผิดของบิตคอยน์

รัฐบาลขาดทุนจากราคาบิตคอยน์ที่ปรับตัวลดลงประมาณ 50 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของประเทศคาดว่าน้อยกว่า 0.5% ของงบประมาณของประเทศ โดยรวมแล้ว การทดลองทั้งหมด (และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด) ได้ดำเนินการจากงบประมาณของรัฐบาลเพียงประมาณ 374 ล้านดอลลาร์ ตามการประมาณการ 

Fitch สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากทั่วโลก ได้ล้มคะแนนเครดิตของเอลซัลวาดอร์โดยอ้างถึงความไม่แน่นอนของอนาคตทางการเงินของประเทศ เนื่องจากการนำ บิตคอยน์มาใช้อย่างถูกกฎหมาย เนื่องจากสกุลเงินดิจิทัลซึ่งราคามีแนวโน้มที่จะผันผวนอย่างรุนแรง

“ในแง่ของสถานการณ์ทางการเงิน เอลซัลวาดอร์อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมาก พวกเขามีพันธบัตรจำนวนมากที่ซื้อขาย และลดราคาอย่างรุนแรง” โซบราโดระบุ

นายแฟรงค์ มูซิ ผู้ร่วมนโยบายของ London School of Economics ผู้มีประสบการณ์ให้คำปรึกษารัฐบาลในละตินอเมริกากล่าวว่า “นโยบายเศรษฐกิจของประเทศนั้นเป็นความคิดที่วิเศษมาก” และ “ประเทศกำลังจะเข้าสู่การผิดนัดชำระหนี้”

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีรุ่นมิลเลนเนียลที่รอบรู้ด้านเทคโนโลยี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยขนานนามว่าตัวเองเป็น “เผด็จการที่เจ๋งที่สุดในโลก” บนประวัติทวิตเตอร์ส่วนตัวได้ผูกโยงชะตากรรมทางการเมืองของเขาไว้กับการพนันสกุลเงินดิจิทัล

ดังนั้นปธน.บูเคเล่ จึงมีแรงจูงใจอย่างมากที่จะลงทุนในระยะยาวสำหรับคริปโท ทั้งนี้บูเคเล่จะต้องเตรียมการเพื่อชำระหนี้พร้อม ๆ กับการครบกำหนดการเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกครั้งในปี 2567 เพื่อครองตำแหน่งปธน.ไปอีก 5 ปีข้างหน้า

ภาพรวมเศรษฐกิจซัลวาดอร์

ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจซัลวาดอร์จะเติบโต 2.9% ในปีนี้และ 1.9% ในปี 2566 ลดลงจาก 10.7% ในปี 2564 แต่การเติบโตนั้นเป็นการดีดกลับจากการหดตัว 8.6% ในปี 2563

อัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP อยู่ที่เกือบ 90% และหนี้อยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 5% ต่อปี เทียบกับสหรัฐอเมริกาที่มีตัวเลข  1.5% ต่อปี นอกจากนี้ประเทศยังมีการขาดดุลจำนวนมาก โดยไม่มีแผนที่จะลดหนี้ ไม่ว่าจะโดยการปรับขึ้นภาษีหรือลดการใช้จ่ายลง

ในบันทึกการวิจัยจาก JPMorgan นักวิเคราะห์เตือนว่าพันธบัตรยูโรของเอลซัลวาดอร์ได้เข้าสู่ "ดินแดนที่น่าสังเวช" ในปีที่แล้ว และข้อมูล S&P Global รายงานว่าค่าใช้จ่ายในการประกันกับการผิดนัดชำระหนี้แตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี

ทั้ง JPMorgan และกองทุนการเงินระหว่างประเทศเตือนว่าประเทศกำลังอยู่ในเส้นทางที่ไม่มั่นคง โดยคาดว่าความต้องการเงินทุนขั้นต้นเกิน 15% ของ GDP ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป และหนี้สาธารณะจะพุ่งแตะ 96% ของ GDP ภายในปี 2569 หากดำเนินการภายใต้นโยบายปัจจุบัน

“ในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา สิ่งที่พวกเขาทำคือการใช้เงินอุดหนุนน้ำมันเบนซิน ซึ่งมีราคาแพงมาก” มูซิผู้ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการจัดการทางการเงินสาธารณะ และมีส่วนร่วมในโครงการวิจัยประยุกต์สำหรับประเทศเอลซัลวาดอร์ระบุ

“นี่เป็นประเทศที่ไม่มีหางเสือในแง่ของนโยบายเศรษฐกิจ หมายความว่าพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขากำลังจะไปไหนหรือทำอะไรอยู่ เหมือนทำแต่ละวัน” เขากล่าว

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเมื่อเอลซัลวาดอร์เผชิญกับกำหนดเวลาชำระหนี้ที่ใกล้เข้ามาเป็นพันล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงต้องจ่ายเงินยูโร 800 ล้านดอลลาร์ที่จะครบกำหนดในเดือนม.ค. 2566

เอลซัลวาดอร์ได้พยายามขอเงินกู้ 1.3 พันล้านดอลลาร์จาก IMF ตั้งแต่ต้นปี 2564 และประธานาธิบดีบูเคเล่ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำขององค์กร ในการยกเลิก ให้บิตคอยน์เป็นสกุลเงินที่ถูกกฎหมาย 

นอกจากนี้ เอลซัลวาดอร์ไม่สามารถพิมพ์เงินสดเพื่อเติมเงินเข้าการเงินของประเทศไม่ได้ เนื่องจากเอลซัลวาดอร์เปลี่ยนเป็นสกุลเงินดอลลาร์ในปี 2544 ซึ่งหมายความว่าได้ยกเลิกสกุลเงินท้องถิ่นคือ โคลอน เพื่อไปสนับสนุนดอลลาร์สหรัฐฯ จึงมีเฉพาะธนาคารกลางแห่งสหรับฯเท่านั้น ที่สามารถพิมพ์ดอลลาร์ได้มากขึ้น 

ในขณะเดียวกัน สกุลเงินประจำชาติอื่น ๆ อย่างบิตคอยน์ ก็ไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่จากอากาศได้เช่นกัน

การทดลองบิตคอยน์

ในเดือนก.ย. 2564 เอลซัลวาดอร์กลายเป็นประเทศแรกที่ใช้บิตคอยน์เป็นเงินที่ถูกกฎหมายความคิดริเริ่มนี้เกี่ยวข้องกับการซื้อบิตคอยน์ด้วยกองทุนสาธารณะ เช่นเดียวกับการเปิดตัวกระเป๋าเงินเสมือนระดับชาติที่เรียกว่า “chivo” (คำแสลงของซัลวาดอร์ที่แปลว่า “เจ๋ง”) ที่ให้บริการธุรกรรมที่ไม่มีค่าธรรมเนียมและช่วยให้สามารถชำระเงินข้ามพรมแดนได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับประเทศที่มีเศรษฐกิจเงินสดเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งประมาณ 70% ของคนในประเทศไม่มีบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต หรือบริการทางการเงินแบบดั้งเดิมอื่น ๆ จึงทำให้ chivo เป็นทางเลือกที่สะดวกสบายสำหรับผู้ที่ไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของระบบธนาคาร

การทดลองยังเกี่ยวข้องกับการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ โดยการสร้างตู้เอทีเอ็มบิตคอยน์ทั่วประเทศ และกำหนดให้ทุกธุรกิจต้องยอมรับสกุลเงินดิจิทัล

ประธานาธิบดีได้เพิ่ม ante ในเดือนพ.ย.2564 เมื่อเขาประกาศแผนการที่จะสร้าง “เมืองบิตคอยน์” ถัดจากภูเขาไฟ Conchagua ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเอลซัลวาดอร์ เมืองที่ได้รับทุนจากบิตคอยน์จะสามารถลดหย่อนภาษีได้อย่างมาก จากการใช้พลังงานความร้อนใต้พิภพที่กลิ้งออกจากภูเขาไฟเพื่อขุดบิตคอยน์

โดยรวมแล้ว รัฐบาลได้ใช้เงินไปประมาณ 375 ล้านดอลลาร์ในการเปิดตัวบิตคอยน์ แบ่งเป็นเพื่อการสร้างความไว้วางใจ 150 ล้านดอลลาร์ เพื่อมอบโบนัส 30 บิตคอยน์เพื่อมอบให้กับพลเมืองแต่ละคนที่ดาวน์โหลดกระเป๋าเงิน chivo (ไม่มีเงินจำนวนเล็กน้อยในประเทศที่ค่าแรงขั้นต่ำรายเดือนอยู่ที่ 365 ดอลลาร์) เป็นเงิน 120 ล้านดอลลาร์และประมาณ 104 ล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลยอมรับต่อสาธารณชนว่าใช้จ่ายเงินบิตคอยน์

มูซิ ตั้งข้อสังเกตว่าค่าใช้จ่ายเหล่านี้บวกกับการสูญเสียมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงในพอร์ตบิตคอยน์ของประเทศ หมายความว่าประเทศได้ใช้เงินไปประมาณ 425 ล้านดอลลาร์ในการ “ทำให้บิตคอยน์เกิดขึ้น”

ประธานาธิบดี ทวีตเมื่อเดือนม.ค.2564 ว่าแอปมีผู้ใช้ 4 ล้านคน (จากจำนวนประชากรทั้งหมด 6.5 ล้านคน) แต่รายงานที่ตีพิมพ์ในเดือน เม.ย. โดยสำนักวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติของสหรัฐฯ พบว่ามีเพียง 20% ของผู้ที่ดาวน์โหลดกระเป๋าเงินที่ยังเคลื่อนไหวหลังจากใช้จ่ายโบนัส 30 ดอลลาร์ โดยการวิจัดังกล่าวใช้ผลสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างจากตัวแทนระดับประเทศ 1,800 ครัวเรือน

หากเข้าไปดูตัวเลขการทำธุรกรรมบิตคอยน์จริง ๆ ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างต่ำ" โดยปัญหาเกี่ยวกับกระเป๋าเงินที่รัฐออกให้ มีคนดาวน์โหลดมามากมาย แต่มันเป็นบั๊ก ซึ่งเป็นประสบการณ์การใช้งานที่ไม่ดี

ในบรรดาผู้ที่ใช้กระเป๋าเงินคริปโทของรัฐบาล บางคนมีปัญหาทางเทคนิคกับแอพ ชาวซัลวาดอร์รายอื่นๆ รายงานถึงกรณีการโจรกรรมข้อมูลระบุตัวตน ซึ่งแฮ็กเกอร์ใช้หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อเปิดกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของ chivo เพื่อขอรับบิตคอยน์มูลค่า 30 ดอลลาร์ที่รัฐบาลเสนอให้ฟรี เพื่อเป็นแรงจูงใจให้เข้าร่วม

ความหวังอีกประการสำหรับกระเป๋าเงิน chivo ก็คือมันจะช่วยประหยัดค่าธรรมเนียมการโอนเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ การส่งเงินกลับบ้านหรือเงินที่ส่งกลับบ้านโดยผู้อพยพ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของเอลซัลวาดอร์ 

โดยในปี 2565 ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่ามีเพียง 1.6% ของการโอนเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล

โครงการสร้างเมืองบิตคอยน์ถูกระงับ พร้อมกับการขายพันธบัตรบิตอคยน์มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ โครงการชะงักชั่วคราวในมี.ค. เนื่องจากสภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย

การผิดนัดชำระหนี้ไม่น่าเป็นไปได้

การเดิมพันบิตคอยน์ครั้งใหญ่ของเอลซัลวาดอร์อาจกำลังดิ้นรนในขณะนี้ แต่ โซบราโด กล่าวกับสำนักข่าว CNBC ว่าได้รับชัยชนะอย่างไม่ต้องสงสัยในแง่ของการดึงดูดนักท่องเที่ยวบิตคอยน์

“ในขณะที่พวกเขาอาจจะได้รับผลกระทบจากราคาที่ลดลงจนอาจทำให้ขาดทุนยังไม่เกิดขึ้นจริงในการลงทุน แต่บิตคอยน์พวกเขากลับเพิ่มขึ้นอย่างมากในแง่ของการท่องเที่ยว” โซบราโด กล่าว

“พวกเขาดึงดูดผู้คนจำนวนมากที่เชื่อในบิตคอยน์และมีเงินทุนมากมายจากคนเหล่านี้ และฉันคิดว่ามันเป็นไปได้อย่างยิ่งที่ถ้าคุณคิดว่าการสูญเสียที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากแคมเปญการตลาด แต่เอลซัลวาดอร์ได้บรรลุสิ่งที่ต้องการแล้ว” โซบราโดกล่าวต่อ และตั้งข้อสังเกตด้วยว่าประเทศอื่น ๆ อย่างคอสตาริกาใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์ไปกับแคมเปญการตลาด

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 30% เนื่องจากกฎหมายบิตคอยน์ที่มีผลบังคับใช้ในเดือนก.ย.2564 ตามการประมาณการของรัฐบาลอย่างเป็นทางการ รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวของประเทศยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า 60% ของนักท่องเที่ยวตอนนี้มาจากสหรัฐอเมริกา

สำหรับระดับหนี้ที่กดดันของประเทศ แทบทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าประธานาธิบดีบูเคเล่จะทำทุกวิถีทางเพื่อรวบรวมเงินสดให้เพียงพอเพื่อชดเชยสิ่งที่ประเทศเป็นหนี้ในปีนี้และปีหน้า แรงจูงใจส่วนใหญ่มาจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะมีขึ้นในปี 2567 ซึ่งบูเคเล่กำลังแย่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกห้าปี

JPMorgan มองว่า "มีโอกาสสูง" ที่จะจ่ายพันธบัตรมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์ในเดือนมกราคม เพื่อที่จะ "หลีกเลี่ยงเหตุการณ์ด้านเครดิตที่ก่อกวนซึ่งอาจทำให้โอกาสในการเลือกตั้งใหม่ของเขาหยุดชะงัก" แม้ว่าฟิทช์จะคาดหวังให้เอลซัลวาดอร์สามารถชำระหนี้ในระยะสั้นได้ 

มูซิ กล่าวว่าเอลซัลวาดอร์จะสามารถรวบรวมเงินสดมาจ่ายได้ แต่เขาเตือนว่าในที่สุดสถานการณ์การเงินสาธารณะของประเทศจะไม่ยั่งยืน หากไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ เช่น ไม่ขึ้นภาษี ลดการใช้จ่าย เริ่มมีวินัยมากขึ้น และบิตคอยน์ไม่สามารถแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจที่สำคัญของเอลซัลวาดอร์ได้