Selective Buy (ประจำวันที่ 24 มิถุนายน 2565)

Selective Buy (ประจำวันที่ 24 มิถุนายน 2565)

ตลาดหุ้นวานนี้ SET ปิดลบ 2 จุด ดัชนีผันผวนในกรอบแคบตลอดทั้งวัน เนื่องจากตลาดไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ หุ้นกลุ่มหลัก โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันถูกกดดันหลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังลดลงอย่างต่อเนื่อง

โดยวันนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดฟิวเจอร์ลดลงราว 1$/bbl จากที่เมื่อคืนลดลงมาแล้ว 3.3$/bbl

 

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

ประเมิน SET แกว่งตัว 1,550 - 1,565 จุด เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อระดับสูงกดดันให้ FED และธนาคารกลางทั่วโลกเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจถดถอยและส่งผลให้ Fund flow ยังคงลดพอร์ทในสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆลง (Risk off ) อย่างไรก็ตามแรงซื้อหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวรวมถึงสัญญาณเทคนิคใกล้ Oversold จะช่วยหนุนให้ดัชนีสลับรีบาวนด์ได้

 

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

              AOT AAV BA CENTEL ERW MINT มาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ

             GPSC BGRIM GULF SCGP SCC EPG TASCO KEX อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบชะลอตัว

             TU ASIAN CFRESH GFPT กลุ่มส่งออกได้อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า

 

หุ้นแนะนำวันนี้

CBG (ปิด 108.5 ซื้อ/เป้า 130 บาท) ได้ Sentiment บวกจากทิศทางราคาอะลูมิเนียมที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องส่งผลบวกโดยตรง CBG เนื่องจากมีสัดส่วนของบรรจุภัณฑ์ที่เป็นกระป๋องราว 60% ของทั้งหมดโดยมีอะลูมิเนียมคิดเป็น 20-25% ของต้นทุนรวม

CENTEL (ปิด 43.50 ซื้อ/เป้าสูงสุด IAA Consensus 55 บาท) ได้ Sentiment บวกภาครัฐเดินหน้าผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง  ล่าสุดราชกิจจาฯ ลงประกาศประกาศผ่อนคลายมาตรการโควิด 19 ให้ประชาชนถอดหน้ากากอนามัยได้ หรือสวมหน้ากากอนามัยโดยความสมัครใจ มีผลตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. 2565

 

 

 

บทวิเคราะห์วันนี้

Banking sector (Top pick: AP LH)

 

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+/-) ดาวโจนส์ปรับขึ้นแต่ราคาน้ำมันดิบยังร่วงต่อนักลงทุนยังกังวลศก.ถดถอยกดดันดีมานด์: ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ฟื้นตัว 194 จุด ปิดที่ระดับ 30,677 จุด หุ้นที่เคยกดดันตลาด อาทิ กลุ่ม Tech เริ่มประคองตัว และนักลงทุนเริ่มเข้าซื้อหุ้นในกลุ่ม Defensive อาทิ กลุ่มสาธารณูปโภค กลุ่มโรงพยาบาล อย่างไรก็ตามในส่วนของตลาดน้ำมันราคายังคงลดลงอีก 1.92 ดอลลาร์ ปิดที่ 104.27 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนยังวิตกกังวลกับภาวะ ศก.ถดถอยจะกดดันให้ความต้องการน้ำมันดิบลดลง

(+) กลุ่มท่องเที่ยว Sentiment ยังเป็นบวกราชกิจจาฯผ่อนคลายมาตรการสวมแมสก์ทั่วประเทศ: ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมาราชกิจจาฯ ลงประกาศประกาศผ่อนคลายมาตรการโควิด 19 ให้ประชาชนถอดหน้ากากอนามัยได้ หรือสวมหน้ากากอนามัยโดยความสมัครใจ มีผลตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. 2565 และด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดเริ่มคลี่คลายจึงมีความเป็นไปได้สูงที่ภาครัฐจะเดินหน้าประกาศให้โควิด 19 เป็นโรคประจำถิ่นได้ในเดือน ก.ค. ตามแผนเป็นบวกต่อ Sentiment การลงทุนของกลุ่ม Domestic play โดยเฉพาะกลุ่มท่องเที่ยว Top pick คือ CENTEL ERW

(-) กลุ่ม Auto ปัญหา Supply shortage ยังกดดันโดยเฉพาะยอดส่งออกหดตัวแรง: ส.อ.ท.รายงานยอดการผลิตรถยนต์เดือน พ.ค. 65 ที่ 129,231 คัน ลดลง 7.8%yoy แต่เพิ่มขึ้น 9.72%mom, มียอดขายในประเทศ 64,735 คัน เพิ่มขึ้น 15.71%yoy และเพิ่มขึ้น 2.06%mom ส่วนยอดส่งออกลดลงเป็น 76,937 คัน หดตัว 3.20% yoy และ 48.78%mom ปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และชิ้นส่วนบางอย่างทำให้รถยนต์บางรุ่นยังไม่สมบูรณ์พอที่จะส่งออกได้