Media Sector ยอดโฆษณาเพิ่มขึ้น 11% YoY ในเดือนพฤษภาคม

Media Sector ยอดโฆษณาเพิ่มขึ้น 11% YoY ในเดือนพฤษภาคม

ยอดโฆษณารวมเดือนพฤษภาคม 2565 เพิ่มขึ้น 11% YoY เนื่องจากยอดโฆษณาของสื่อทุกประเภทดีขึ้นตามสถานการณ์ COVID-19 ที่คลี่คลายลงไป

โดยยอดโฆษณาในโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้นเป็น 500 ล้านบาท (+541% YoY) จากฐานที่ต่ำเพราะมีการปิดโรงภาพยนตร์ชั่วคราวในปีที่แล้ว และมีโปรแกรมหนังเด็ดเข้าโรงฉาย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 70% ของยอดโฆษณาเฉลี่ยต่อเดือนก่อน COVID จะระบาด นอกจากนี้ ยอดโฆษณาของสื่อนอกบ้าน (Out-Of-Home หรือ OOH) เพิ่มขึ้นเป็น 1.1 พันล้านบาท (+30% YoY) จากการที่ผู้คนกลับเข้าไปทำงานที่ออฟฟิศ และนักเรียนกลับเข้าไปเรียนที่โรงเรียน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนน 90% ของยอดโฆษณาก่อน COVID ระบาด ในขณะเดียวกัน ยอดโฆษณาผ่านสื่อ TV เพิ่มขึ้น 3% YoY ในเดือนพฤษภาคม 2565 ทั้งนี้ ยอดโฆษณารวมของทุกสื่อเพิ่มขึ้น 7% YoY ในงวด 5M65 โดยยอดโฆษณาผ่านสื่อโรงภาพยนตร์ และสื่อ OOH เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง 70% YoY และ 19% YoY ตามลำดับ ในขณะที่ยอดโฆษณาผ่านสื่อ TV ลดลงเล็กน้อย 2% YoY ในงวด 5M65

 

ธุรกิจ และกิจกรรมนอกบ้านฟื้นตัวขึ้น

เนื่องจากมีการผ่อนคลายมาตรการคุม COVID-19 ลง แนวโน้มของ Google mobility จึงแสดงสัญญาณการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของกิจกรรมนันทนาการซึ่งกลับมาอยู่ระดับใกล้ปกติแล้ว (figure 5) ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับศูนย์การค้า รวมถึงโรงภาพยนตร์ โดยจะทำให้จำนวนผู้เข้าชมภาพยนตร์เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันการผ่อนคลายนโยบาย WFH และการกลับเข้าเรียนในโรงเรียนจะทำให้มีกิจกรรมการเดินทางในระบบขนส่งมวลชนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจสื่อ OOH ใน 2H65 ดังนั้น เราจึงคาดว่ายอดโฆษณาจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากกิจกรรมทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้น โดย PLANB คาดว่า utilization rate ของบริษัทในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2565 จะอยู่ที่ประมาณ 55% (จาก 43% ใน 2Q64 และ 52% ใน 1Q65) ตามแนวโน้มยอดโฆษณาของสื่อ OOH ในขณะที่เราคาดว่า utilization rate ใน 2H65 จะเพิ่มขึ้นเป็น 62% (บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 66%) ตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

 

กำไรของธุรกิจสื่อจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ 2Q65 เป็นต้นไป

เราคาดว่ากำไรของธุรกิจสื่อจะเพิ่มขึ้น QoQ ใน 2Q-3Q65 เนื่องจาก i) กิจกรรมทางเศรษฐกิจและกิจกรรมนอกบ้านเพิ่มขึ้น ทำให้จำนวนผู้เข้าชมภาพยนตร์ในโรงและยอดโฆษณาเพิ่มขึ้น ii) ปัจจัยฤดูกาล เพราะตามปกติแล้ว 1Q จะเป็นช่วง low season เราคาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง YoY จากฐานที่ต่ำใน 2Q-3Q64 ทั้งนี้ เนื่องจากเราคาดว่ากำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งใน 2H65 เราจึงยังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มสื่อที่ Overweight โดยเราเลือก MAJOR (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2565F ที่ 26.75 บาท) และ PLANB (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2565F ที่ 10.00 บาท) เป็นหุ้นเด่นของเรา เราคาดว่าผลประกอบการของ MAJOR จะฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจากที่ถูกกระทบหนักสุดจากการที่ต้องปิดบริการโรงหนังไปในช่วง 2Q-3Q65 ในขณะเดียวกัน เราคาดว่า PLANB จะได้อานิสงส์จากการประหยัดต่อขนาดซึ่งเกิดจาก utilization ที่เพิ่มขึ้นตามยอดโฆษณาที่แข็งแกร่งใน 2H65

 

Risks

ยอดโฆษณาต่ำกว่าที่คาดไว้