ศูนย์วิจัยอสังหาฯ ธอส.เผยยอดขายห้องชุดต่างชาติอืดเหตุจีนยังปิดประเทศ

ศูนย์วิจัยอสังหาฯ ธอส.เผยยอดขายห้องชุดต่างชาติอืดเหตุจีนยังปิดประเทศ

ศูนย์วิจัยอสังหาฯ ธอส.เผย กำลังซื้อห้องชุดของคนต่างชาติในไตรมาส 1/65 ชะลอ หลังจากจีนคงนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ทำให้กำลังซื้อหลักหายไป โดยยอดการโอนอยู่ที่กว่า 2.1 หน่วย ลดลง -10.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เปิดเผยสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติในไตรมาส 1 ปี 2565ว่า ยังคงชะลอตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2564 แม้ว่ารัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการการเดินทางของชาวต่างประเทศมายังประเทศไทย ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เนื่องจากประเทศจีน ซึ่งเป็นกลุ่มกำลังซื้อหลักของห้องชุด ยังคงปิดประเทศ และใช้นโยบาย "โควิดเป็นศูนย์" มีการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ โดยทางการจีนได้ห้ามไม่ให้พลเมืองจีนเดินทางไปต่างประเทศ หากไม่มีเหตุที่จำเป็น ทำให้สถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติจึงยังไม่ฟื้นตัวในไตรมาสนี้

นอกจากนั้น ยังมีการคาดการณ์ว่า จีนจะยังปิดประเทศไม่ให้ชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศไปจนถึงสิ้นปี 2565

อย่างไรก็ตาม ในด้านรัฐบาลไทย มีการดำเนินการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศของชาวต่างชาติเป็นระยะๆ เพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเต็มรูปแบบในวันที่ 1 มิ.ย.2565 โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2565 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศแล้วกว่า 1 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีจำนวนไม่ถึง 100,000 คน

นอกจากนั้น รัฐบาลยังได้กำหนดให้ปีนี้เป็น “ปีส่งเสริมท่องเที่ยวไทย 2565 - 2566 (Visit Thailand Year 2022- 2023)” โดยมีแผนจะกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศไทยไม่น้อยกว่า 300,000 – 1,000,000 คนต่อเดือน ซึ่งคาดว่าจะสามารถดึงนักท่องเที่ยวได้มากถึง 6 ล้านคนในปีนี้ และ19 ล้านคน ในปี 2566 หากสถานการณ์การท่องเที่ยวของชาวต่างชาติฟื้นตัวเพิ่มมากขึ้น ก็คาดว่าจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับการซื้อขายตลาด อาคารชุดทดแทนกลุ่มลูกค้าชาวจีนที่ยังไม่สามารถเดินทางมาไทยได้

ทั้งนี้ ภาพรวมสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติ ทั่วประเทศ ในไตรมาส 1 ปี 2565 มีจำนวน 2,107 หน่วย ลดลง -10.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่มีจำนวนหน่วยสูงกว่าค่าเฉลี่ย 2 ปี ในช่วงโควิด-19  หรือปี 2563 – 2564 ที่มีจำนวน 2,061 หน่วยต่อไตรมาส

สำหรับมูลค่าการโอนห้องชุดรวม 10,262 ล้านบาท ลดลง -6.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าการโอนในไตรมาสนี้ สูงกว่าค่าเฉลี่ย 2 ปี ในช่วง โควิด-19 ที่มีมูลค่า 9,683 ล้านบาทต่อไตรมาส

ทั้งนี้ การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้ชาวต่างชาติในช่วงดังกล่าว ในจำนวนนี้เป็นประเภทห้องชุดใหม่ 65.1% ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วนของห้องชุดใหม่ 80.3% ในขณะที่ ห้องชุดมือสองมีสัดส่วน 34.9% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วน 19.7%

ในด้านมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้ชาวต่างชาติในไตรมาส 1 ปี 2565 จำนวน 10,262 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นมูลค่าห้องชุดใหม่ 71.8% ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วนของห้องชุดใหม่ 86.1% ในขณะที่ห้องชุดมือสองมีสัดส่วน 28.2% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วน 13.9% แสดงให้เห็นว่า ตลาดห้องชุดต่างชาติ ยังนิยมห้องชุดใหม่มากกว่าห้องชุดมือสอง แต่ห้องชุดมือสองก็มีการขยายสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ

เขากล่าวด้วยว่า ในไตรมาส 1 ปี 2565 ห้องชุดที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ให้คนต่างชาติมากที่สุด จะอยู่ในช่วงราคาไม่เกิน 3.00 ล้านบาท โดยมีการโอนจำนวน 1,109 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 52.6% ของจำนวนหน่วยทั้งหมดจำนวน 2,107 หน่วย

รองลงมาคือ ระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท มีจำนวน 504 หน่วย สัดส่วน 23.9% ระดับราคา 5.01 – 10.00 ล้านบาท มีจำนวน 304 หน่วย สัดส่วน 14.4% และระดับราคามากกว่า 10.00 ล้านบาทขึ้นไป มีจำนวน 190 หน่วย สัดส่วน 9.0% ตามลำดับ

สำหรับขนาดห้องชุดที่เป็นที่นิยมของคนต่างชาติคือ ขนาดพื้นที่ 30 - 60 ตารางเมตร (ประเภท 1 - 2 ห้องนอน) โดยมีจำนวนหน่วยที่โอนกรรมสิทธิ์ให้คนต่างชาติ จำนวน 970 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 46.0% รองลงมาคือ ห้องชุดขนาดพื้นที่ไม่เกิน 30 ตารางเมตร (สตูดิโอ หรือ 1 ห้องนอน) มีจำนวน 796 หน่วย (สัดส่วน 37.8%)

ถัดมาคือ ห้องชุดขนาดพื้นที่ 61-100 ตารางเมตร (2-3 ห้องนอนขึ้นไป) จำนวน 202 หน่วย (สัดส่วน 9.6%) และห้องชุดขนาดพื้นที่มากกว่า 100 ตารางเมตร (3 ห้องนอนขึ้นไป) มีจำนวนน้อยที่สุดคือ 139 หน่วย (สัดส่วน 6.6%)

ห้องชุดขนาดไม่เกิน 30 ตารางเมตร และขนาด 30 – 60 ตารางเมตร เป็นประเภทห้องชุดที่คนต่างชาตินิยมมากที่สุด โดยมีสัดส่วนจำนวนหน่วยที่โอนกรรมสิทธิ์รวมกัน 83.8%

สัญชาติที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดมากที่สุดทั่วประเทศ โดยไตรมาส 1 ปี 2565 ได้แก่ ชาวจีน โดยมีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดจำนวน 949 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 45.0% ลดลงจากไตรมาส 4 ปี 2564 ซึ่งมีสัดส่วน 53.7% และมีมูลค่าการโอน 4,570 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 44.5% ลดลงจากไตรมาส 4 ปี 2564 ซึ่งมีสัดส่วน 51.2% จะเห็นได้ว่า สัดส่วนชาวจีนที่โอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดลดลงไม่ถึง 50% เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ชาวจีนไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้

ในด้านจำนวนหน่วย สัญชาติที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดทั่วประเทศ อันดับรองลงมา ได้แก่ รัสเซีย มีการโอนจำนวน 134 หน่วย สัดส่วน 6.4% อันดับสาม สหรัฐอเมริกา จำนวน 114 หน่วย สัดส่วน 5.4% อันดับสี่ สหราชอาณาจักร จำนวน 91 หน่วย สัดส่วน 4.3% อับดับห้า เยอรมนี จำนวน 81 หน่วย สัดส่วน 3.8% ตามลำดับ

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์