แนะชะลอการเก็งกำไรระยะสั้นก่อนการประชุมเฟดคืนนี้

แนะชะลอการเก็งกำไรระยะสั้นก่อนการประชุมเฟดคืนนี้

ตลาดอาจรีบาวนด์ระยะสั้นหลังทราบผลประชุมเฟดคืนนี้จากแรงซื้อ buy on fact แม้โทนที่ออกมาจะมีความเข้มงวดเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น โดยล่าสุด Fed Rate Monitor Tool บ่งชี้ว่าเฟดมีโอกาสมากกว่า 97% ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%

ในการประชุมคืนนี้ อย่างไรก็ตาม เรามองอัพไซด์กรณีฟื้นตัวค่อนข้างจำกัดจากปัจจัยมหภาคที่ยังคงเป็นลบต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงโมเมนตัมกำไรในช่วงไตรมาสสองถึงสามที่จะเริ่มได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อและราคาต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น โดยจากผลการศึกษาย้อนหลังพบว่าตลาดหุ้นจะยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่ตราบใดที่เงินเฟ้อยังคงสูงกว่ากรอบ optimal level ที่ระดับ 1-4%

เงินบาทอ่อนค่าทะลุ 35 บาทต่อดอลลาร์ ทำจุดสูงสุดในรอบ 5 ปี จากผลของการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ (monetary divergence) และ current account ที่เป็นลบจากผลของราคาน้ำมันที่สูง โดยจากการคาดการณ์ของเรามองว่าเงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่าได้ถึงระดับ 35.5 บาทต่อดอลลาร์ภายในเดือนนี้ แต่มองเป็นบวกระยะสั้นต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว-ส่งออก  
 

ยังไม่ปิดโอกาส SET หลุด 1600 จุด จากสถานการณ์ที่คาดว่าจะเป็นลบมากขึ้นในช่วงปลายไตรมาสสองถึงสาม แต่ด้วยระดับ Earnings Risk Premium ที่กลับเข้าสู่ระดับค่าเฉลี่ยที่ 2.8% สะท้อนถึงมูลค่าตลาดในระยะสั้นที่สมเหตุสมผลมากขึ้น (ยื่งดัชนีลงต่อ จะยิ่งเป็นโอกาสในการเข้าทยอยสะสมหุ้น) กลยุทธ์เรายังคงเน้นการซื้อรายตัวในกลุ่มหุ้นที่ราคาไม่แพง มี pricing power และได้ประโยชน์จากธีมการเปิดประเทศ เช่น ท่องเที่ยว-โรงแรม, โรงพยาบาล, นิคมฯ, รวมถึงอาหาร 

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE 2) กลุ่มท่องเที่ยว CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR 3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO 4) กลุ่มอาหารและเกษตร CPF, GFPT, TFG, TU, KSL, KTIS, KBS, BIS,  5) หุ้นประกัน TIPH, BLA, TVI, THREL (แค่เก็งกำไรรับไทยประกันเข้า IPO)

ภาพรวมกลยุทธ์: หลุด 1,600 ความเสี่ยงทางลงจะเปิด โดยมีแนวรับ 1,580 และ 1,540 จุด ตามลำดับ กลุ่มที่อาจถูกสลับมาเก็งกำไรหรือพักเงิน ได้แก่ ประกัน สาธารณูปโภคที่ปันผลสูง รวมถึงหุ้นเปิดเมืองที่ยังขึ้นน้อย //หุ้นแนะนำ:  SPA*, DMT*, KASET*

แนวรับ: 1,590 / แนวต้าน : 1,630-1640 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 

ประเด็นการลงทุน

สหรัฐเผยดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 0.8% ตามคาด - ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ค. ตามคาดการณ์

บอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่งเหนือ 3.45% นิวไฮ 11 ปี – อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 3.45% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2554 ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าเฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

มุมมองการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจากโกลด์แมน แซคส์ – หัวหน้านักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ระบุเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมรอบนี้ และจะยังคงปรับขึ้น 0.75% ในการประชุมเดือนก.ค. นอกจากนี้ คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนก.ย. และขึ้นเพียง 0.25% ในเดือนพ.ย.และธ.ค.

ครม.อนุมัติสร้างมอเตอร์เวย์เชื่อมสนามบินอู่ตะเภา – วงเงินกว่า 4.5 พันลบ. เพื่อรองรับการจราจรที่จะเพิ่มขึ้นบริเวณสนามบินอู่ตะเภาและเมืองภาคตะวันออก จะเปิดให้บริการเป็นสนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3 ในปี 68

Opportunity day – 15 มิ.ย. SEAOIL, TRC, EPG, SELIC / 16 มิ.ย. VRANDA, JR, MENA, IND, UBE, FN / 17 มิ.ย. SKE, FVC, GPI

หุ้นเข้าซื้อขายวันแรกใน SET วันนี้ – TEKA หรือ บมจ. ฑีฆาก่อสร้าง

ตลท.ย้ายหุ้น STI เข้า SET - เริ่ม 15 มิ.ย.นี้ หลัง บมจ.สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ (STI) เข้าจดทะเบียนใน mai ในช่วงปลายปี 61

ตลท.ให้ KWI ใช้เกณฑ์ cash balance - ตั้งแต่ 15 มิ.ย.- 5 ก.ค.

 

ประเด็นติดตาม: 15 มิ.ย. – US Retail Sales, Fed Interest Rate Decision / 16 มิ.ย. – US Building Permits, US Initial Jobless Claims / 17 มิ.ย. – EU CPI, Fed Chair Powell Speaks / 21 มิ.ย. – US Existing Home Sales / 23 มิ.ย. – US&EU Manufacturing PMI, Services PMI, Russia Debt Payment

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)