กพท.ถกแอร์ไลน์ไทย เตรียมเปิดบินจีน 'การบินไทย' ประเดิม 18 มิ.ย.นี้

กพท.ถกแอร์ไลน์ไทย เตรียมเปิดบินจีน 'การบินไทย' ประเดิม 18 มิ.ย.นี้

กพท.ถกสายการบินสัญชาติไทยจัดคิวรุกตลาด หลังจีนเริ่มนโยบายเปิดประเทศ ไฟเขียวนักธุรกิจ – นักเรียนเดินทาง ให้โควตาไทยเปิดเส้นทางบิน 2 ไฟล์ตต่อสัปดาห์ "การบินไทย" กางแผน 18 มิ.ย.นี้ ประเดิมกรุงเทพฯ – กวางโจว

รายงานข่าวจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) แจ้งว่า ขณะนี้รัฐบาลจีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการเดินทางระหว่างประเทศ โดยเปิดให้ประชาชนในกลุ่มนักธุรกิจ นักเรียนและนักศึกษาสามารถเดินทางระหว่างประเทศไทย ส่งผลให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศจีน (CAAC) ได้แจ้งเรื่องดังกล่าวมายัง กพท.ให้โควตาสายการบินสัญชาติไทย สามารถเปิดทำการบินระหว่างไทย-จีนได้ 2 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

อย่างไรก็ดี กพท.จึงได้เรียกหารือกับสายการบินสัญชาติไทยทั้ง 8 สายการบิน ได้แก่

  1. สายการบินไทย
  2. สายการบินไทยสมายล์
  3. สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส
  4. สายการบินนกแอร์
  5. สายการบินไทยแอร์เอเชีย
  6. สายการบินไทยเวียตเจ็ท
  7. สายการบินไทย ไลอ้อน แอร์
  8. สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์

เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดเส้นทางบินตลาดดังกล่าว โดยทุกสายการบินแสดงความสนใจทำการบินอย่างมาก แต่เนื่องด้วยโควตามีจำกัด กพท.จึงจำเป็นต้องให้สิทธิสายการบินที่เคยทำการบินในจีนมาก่อน

“สายการบินสนใจทำการบินเยอะมาก แต่โควตามีจำกัด เราก็ต้องจัดสรรให้กับสายการบินที่มีความพร้อมและเคยทำการตลาด ทำการบินในเส้นทางนี้แล้ว ซึ่งก็มีหลายสายการบิน ดังนั้นผลการหารือคือเราจะสลับโควตาให้สายการบินทำการบินได้แบ่งเป็นรายสัปดาห์ เช่น การบินไทยบิน 1  สัปดาห์ หลังจากนั้นสัปดาห์ถัดไปสลับให้สายการบินอื่นทำการบิน”

ทั้งนี้ สายการบินสามารถทำการบินได้ทุกเมืองที่เคยทำการบิน ยกเว้นปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเบื้องต้นมีสายการบินขอทำการบินมายัง กพท. แล้ว ประกอบด้วย สายการบินไทย,ไทยสมายล์, ไทย ไลอ้อน แอร์ และไทยแอร์เอเชีย จะเปิดทำการบินไปยังเมืองกวางโจว โดยสายการบินไทย เตรียมแผนเริ่มทำการบินวันที่ 18 มิ.ย.นี้ ขณะที่สายการบินไทยเวียตเจ็ท จะทำการบินไปยังเมืองคุนหมิง ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว ส่วนสายการบินนกแอร์ แจ้งขอทำการบินไปยังเมืองหนานหนิง

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันประเทศจีนยังคงให้เฉพาะการเดินทางที่จำเป็น แต่ กพท.เชื่อว่าหากสายการบินของไทยดำเนินการไปได้ด้วยดี ทางจีนก็จะค่อยๆ เพิ่มจำนวนเที่ยวบินต่อสัปดาห์ให้กับประเทศไทยต่อไป โดยขอให้ทุกสายการบินเน้นย้ำมาตรการความปลอดภัย เข้มงวดมาตรการด้านสาธารณสุข และดำเนินการภายใต้มาตรการที่เข้มงวดตามข้อกำหนดของจีน

รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า มาตรการด้านสาธารณสุขของจีนเข้มงวดมาก เช่น ข้อกำหนดว่าหากตรวจพบผู้โดยสารที่มีเชื้อโควิด-19 จากสายการบินใด สายการบินนั้นจะถูกห้ามบินในเที่ยวบินถัดไปทันที ซึ่งนอกจากจะเกิดความเสียหายต่อสายการบินแล้ว ยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยด้วย ดังนั้นเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ทางสายการบินต้องกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ภายใต้ข้อกำหนดมาตรการต่างๆ ของประเทศจีน และผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด

“การที่สามารถเปิดเส้นทางบินระหว่างไทย-จีนได้แล้วนั้น ในระยะแรกนี้แทบจะไม่มีผลต่อการเพิ่มปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางเข้า-ออกประเทศไทย เพราะเปิดให้บริการได้ไม่กี่เที่ยวบิน แต่ก็ถือเป็นสัญญาณบวกสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศจากกลุ่มตลาดใหญ่อย่างจีน และเป็นจุดเริ่มต้นให้สายการบินของไทยได้เตรียมความพร้อมตามมาตรการสาธารณสุขของจีนด้วย”

สำหรับภาพรวมปริมาณการเดินทางระหว่างประเทศตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้โดยสารระหว่างประเทศเข้า และออกประเทศไทยทางอากาศ ประมาณ 4.2 หมื่นคน จากเดือนก่อนหน้านี้ประมาณวันละ 3-4 หมื่นคน โดยส่วนใหญ่ยังเป็นผู้โดยสารกลุ่มอินเดีย และสิงคโปร์ โดยในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา มีผู้โดยสารชาวสิงคโปร์เดินทางมามากที่สุด ขณะที่เดือน มิ.ย.2565 ผู้โดยสารชาวอินเดียมาใกล้เคียงกับสิงคโปร์

ส่วนผู้โดยสารจากตลาดยุโรป เนื่องจากปัจจุบันยังไม่ใช่ช่วงท่องเที่ยวของกลุ่มตลาดนี้ คาดว่าประมาณเดือน ส.ค. - ก.ย.2565 ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อน และวันหยุดยาวของชาวยุโรป น่าจะมีปริมาณการเดินทางมายังประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น และส่งผลให้ภาพรวมการเดินทางระหว่างประเทศในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังเจอสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มาเป็นระยะเวลากว่า 2 ปี