พอร์ตแตก |ออฟเรคคอร์ด

๐๐๐ พอร์ตแตก 

       กลายเป็นวัน  Black Monday  สำหรับนักลงทุนเพราะหันไปทางไหนเจอแต่แรง “เทขาย”    “อาการพอร์ตแตก” ในหลายตลาดจนทำให้ภาพการลงทุนดูไม่ดี 

         ไล่มาตั้งแต่ ตลาดหุ้น ไปจนถึง ตลาดคริปโทเคอร์เรนซี่ ถูกเทขาย-ทิ้งความเสี่ยง เงินทุนไหลออกจนออกอาการหนักตามตัวเลขเงินเฟ้อที่จ่อขึ้นต่อ 

         รอบนี้ลงได้ลึกทั้ง 2 ตลาดซึ่งตลาดหุ้นไทยหากหลุดแนวรับเดิม 1,580 จุดที่ทำงานได้ดีเพราะมักจะมีรีบาวด์ แต่คราวนี้เริ่มมีเสียงคาดการณ์แล้วว่ามีโอกาสลงไปลึกถึง 1,400 จุด   

         ถัดมาตลาดคริปโทฯ ราคาเหรียญแข็ง “บิทคอนย์”  เอาไม่อยู่ ลงไป 25,000 ดอลลาร์ ต่ำสุดในรอบ 18 เดือน ท่ามกลางข่าวร้ายแพลตฟอร์มชื่อดัง DiFi  ระงับการถอดเงิน ทำเอาบรรดานักลงทุนตื่นตะหนกขายทิ้งกันจนคาดว่ามีการล้างพอร์ตใหญ่(อีกครั้ง) รอบนี้ไปถึง 600 ล้านดอลลาร์ !!

        ช่วงนี้เป็นใครก็ต้องงัดคาถา “ถือเงินสด“ ”เน้นรอลุ้นรีบาวด์” ทั้งพอร์ตหุ้น -พอร์ตคริปโทฯไปพรางๆ 

๐๐๐

เรียกว่าเป็น “Black Monday” หลังตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกถูกถล่มขายหนัก วิตกเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย หลังตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดของสหรัฐพุ่งแรงเกินคาด ทำให้เริ่มมองกันว่าในการประชุมช่วงกลางสัปดาห์นี้ เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยถึง 0.75% จากเดิมคาดการณ์ไว้ที่ 0.5%

ส่วนในฝั่งเอเชียมีแรงกดดัน หลังหลายพื้นที่ของเซี่ยงไฮ้ต้องกลับมาล็อกดาวน์อีกครั้ง กดดันหุ้นไทยถูกเทขายตลอดทั้งวัน จนระหว่างวันหลุดแนวรับสำคัญ 1,600 จุด

โดยดัชนีฯ ปิดการซื้อขายที่ 1,600.06 จุด ลดลง 32.56 จุด หรือ 1.99% ระหว่างวันแตะระดับสูงสุดที่ 1,616.31 จุด และระดับต่ำสุดที่ 1,599.34 จุด มูลค่าการซื้อขาย 73,466.76 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติขาย 2,703.09 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขาย 3,681.55 ล้านบาท พอร์ตโบรกฯ ซื้อ 79.09 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อ 6,305.53 ล้านบาท

๐๐๐

“กลุ่มโรงกลั่น” ยังมีแรงขายต่อเนื่อง นำทีมด้วย บมจ.ไทยออยล์ (TOP) วอลุ่มขายออกมามากที่สุด ราคาร่วงมาปิด 53.50 บาท ลดลง 3.25 บาท หรือ 5.73% หลังมีข่าวรัฐขอความร่วมมือผู้ประกอบการปรับลดค่าการกลั่นลง เพื่อลดราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชน

แม้จะทำได้ยากเพราะเกี่ยวข้องกับกลไกลตลาดเสรีที่รัฐไม่ควรเข้ามาแทรกแซง แต่ก็เกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศ ดังนั้นเมื่อยังไม่มีความชัดเจน จึงยิ่งถ่วงราคาหุ้น

๐๐๐

ส่วนหุ้นบมจ.กรุงเทพประกันชีวิต (BLA) เป็นเพียงไม่กี่ตัวที่กัดฟันยืนบวกสวนกระดาน ปิดที่จุดสูงสุดของวัน 43 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ 5.52% รับธีมดอกเบี้ยขาขึ้น หนุนรายได้จากการลงทุนในตราสารหนี้เพิ่มขึ้น ขณะที่การตั้งสำรองประกันระยะยาวปรับตัวลดลง

๐๐๐

เช่นเดียวกัน บมจ.จีเอฟพีที (GFPT) ที่ตีปีกบินขึ้นมาทำนิวไฮในรอบกว่า 2 ปี ปิด 17.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ 2.35% หลังราคาไก่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น นอกจากนี้ ยังได้อานิสงส์จากวิกฤตขาดแคลนอาหาร หนุนยอดการส่งออกโต โดยเฉพาะตลาดยุโรปที่มีออเดอร์เข้ามาทดแทนการนำเข้าจากยูเครน ซึ่งเป็นผู้ส่งออกหลักในยุโรป

๐๐๐

ด้านหุ้นบมจ.บ้านปู (ฺBANPU) ถูกขายมาเกือบตลอดทั้งวัน แต่มาได้ลุ้นช่วงท้ายตลาด เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา บวกขึ้นมาได้มากสุด 0.10 บาท หลังยังได้แรงหนุนจากราคาก๊าซฯ และถ่านหินที่ทรงตัวในระดับสูง แต่สุดท้ายแล้วปิดเสมอตัว 13.00 บาท

๐๐๐

วันนี้ (14 มิ.ย.) ต้องเอาใจช่วยหุ้นน้องใหม่ไอพีโอ บมจ.สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ (STP) ทำธุรกิจการพิมพ์บรรจุภัณฑ์ เตรียมลงสนามเข้าซื้อขายวันแรกในตลาด mai แต่ด้วยภาวะตลาดแบบนี้ ดูแล้วเหนื่อย! รอลุ้นว่าจะยืนเหนือจองที่ 18 บาท ได้หรือไม่?