พาณิชย์แจง ‘ไข่ไก่’ ราคาลง - ‘ผัก’ ทรงตัว

กรมการค้าภายในได้มีการติดตามสถานการณ์การผลิตและภาวะการค้าอาหารสดในตลาดทั้งระดับค้าส่ง และค้าปลีกใกล้ชิดอย่างต่อเนื่อง

นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากข่าวราคาไข่เป็ด พริก และผักปรับตัวสูงขึ้น กรมการค้าภายในได้มีการติดตามสถานการณ์การผลิตและภาวะการค้าอาหารสดในตลาดทั้งระดับค้าส่ง และค้าปลีกใกล้ชิดอย่างต่อเนื่อง พบว่า ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาไข่เป็ด (ขนาดกลาง) มีราคาเพิ่มขึ้น จากฟองละ 4.70-4.80 บาท เป็นฟองละ 4.80-4.90 บาท (เพิ่มขึ้น 0.10 บาท) เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดสลับมีพายุฝน ทำให้แม่เป็ดไข่ให้ไข่ในปริมาณที่น้อยลง รวมทั้งการเลี้ยงเป็ดไข่ที่ลดลงจากภาวะต้นทุนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ไข่ไก่ซึ่งเป็นไข่ที่ทุกครัวเรือนนิยมบริโภคมีราคาปรับลดลง โดยราคาไข่ไก่เบอร์ 3 จากที่มีราคาฟองละ 3.80-4.00 บาท ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2565 ปรับลดเหลือฟองละ 3.60-3.80 บาท (ลดลง 0.20 บาท) เนื่องจากผู้เลี้ยงเพิ่มปริมาณการเลี้ยงแม่ไก่ไข่และชะลอการปลดแม่ไก่ไข่จากเล้า ทำให้ปริมาณไข่ไก่ในระบบมีมากขึ้น

สำหรับสถานการณ์ราคาผักขณะนี้แม้บางชนิดจะมีการปรับตัวสูงขึ้น จากสภาพอากาศแปรปรวน มีฝนตกหนักในแหล่งผลิต ทำให้ผักบางชนิดได้รับความเสียหาย ผลผลิตเก็บเกี่ยวออกสู่ตลาดได้น้อยลง มีปัญหาด้านคุณภาพ โดยเฉพาะพริกขี้หนูจินดาที่ปลูกมากในจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ อยู่ในช่วงฤดูเริ่มการเพาะปลูกข้าว จึงทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น จากกก.ละ 65-75 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็น กก.ละ 120-130 บาท ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ในช่วงนี้เนื่องจากจะมีผลผลิตรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดเป็นระยะๆ เช่น ต้นหอม ซึ่งมีการปรับราคาขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ ราคากก.ละ 95-100 บาท เป็นกก.ละ 105-110 บาท (6 มิ.ย.65) ปัจจุบัน (9 มิ.ย.65) มีราคาปรับลดลงเป็นกก.ละ 85-90 บาท เป็นต้น

รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ยังเปิดเผยต่อไปว่า เมื่อพิจารณาราคาผักชนิดอื่นๆ เทียบเคียงราคาในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยผักที่ประชาชนนิยมบริโภค ส่วนใหญ่ราคาปรับตัวลดลง เช่น ผักคะน้า ราคากก.ละ 25-30 บาท ปรับตัวลดลงจากปีก่อนที่กก.ละ 35-40 บาท ผักบุ้งจีน ราคากก.ละ 20-25 บาท ปรับตัวลดลงจากปีก่อนที่กก.ละ 22-25 บาท ผักกาดหอม ราคากก.ละ 40-45 บาท ปรับตัวลดลงจากปีก่อนที่กก.ละ 55-60 บาท และผักกาดขาว ราคากก.ละ 30-35 บาท ปรับตัวลดลงจากปีก่อนที่กก.ละ 35-40 บาท

ทั้งนี้ กรมฯ จะติดตามสถานการณ์ราคาอาหารสดในตลาดอย่างใกล้ชิด และเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน ห้ามฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาโดยไม่เป็นธรรม หากตรวจพบจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กรณีไม่ติดป้ายแสดงราคาจะมีโทษ ปรับไม่เกิน 10,000 บาททั้งนี้หากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายสินค้าหรือบริการที่ไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด