Rebound หุ้นรายงานพิเศษ PT (8 มิถุนายน 2565)

Rebound หุ้นรายงานพิเศษ PT (8 มิถุนายน 2565)

วันอังคารที่ผ่านดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงการซื้อขาย ปรับตัวลงราว -8 ถึง -12 จุด ตลาดซึมตัวลงจากการขาดปัจจัยบวกใหม่ พร้อมทั้งในสัปดาห์นี้ นักลงทุนติดตามปัจจัยสำคัญ เช่น การประชุมกนง. การประชุม ECB และตัวเลขดัชนี CPI ของสหรัฐ แรงขายมีมากในหุ้นกลุ่มค้าปลีก ขนส่ง

ส่วนแรงซื้อมีเข้ามาในหุ้นกลุ่มโรงกลั่น ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,631.92 จุด -14.16 จุด -0.86% มูลค่าการซื้อขาย 62,744 ลบ. ต่างชาติ -606.28 ลบ. TFEX -17,528 สัญญา ตราสารหนี้ -2,601.53 ลบ.

 

ปัจจัยบวก

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 264.36 จุด +0.80% ได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำกว่า 3% อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงหลังจากบริษัททาร์เก็ตปรับลดคาดการณ์ผลกำไรในไตรมาส 2
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 91 เซนต์ +0.8% ปิดที่ 119.41 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่ 8 มี.ค. 2565 ได้แรงหนุนจากคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันโลกจะเผชิญภาวะตึงตัวจากการที่จีนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านที่ยังไม่มีความคืบหน้า
+ ครม.อนุมัติหลักการเพิ่มซาอุดีอาระเบียในรายชื่อประเทศที่ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง เข้ามาในราชอาณาจักรไม่เกิน 30 วัน สร้างรายได้ให้ไทย 5 พันล้านต่อปี
+ ครม. เห็นชอบให้ปรับปรุงเงื่อนไขโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 เพื่อช่วยเหลือคนรายได้น้อยให้ได้มีที่อยู่อาศัยโดยขยายวงเงินสินเชื่อเข้าโครงการจาก 1.2 ล้านบาท เป็น 1.5 ล้านบาท ดอกเบี้ย 1.99% คงที่ 4 ปี
+ รัฐบาลเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากและกระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งหลังปี 2565 สภาพัฒน์เตรียมเสนอแผนสนับสนุนสร้างแหล่งน้ำ ถนนทั่วไทย ชง ครม. 14 มิ.ย.นี้ มี 3 เฟส รวมงบประมาณกว่า 1 หมื่นล้านบาท
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 2,688 ราย ATK 5,754 ราย มีผู้เสียชีวิต 21 ราย รักษาหาย 4,130 ราย

 

ปัจจัยลบ

- ญี่ปุ่นเปิดเผยรายงานด้านพลังงานประจำปีระบุว่าความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอุปทานพลังงานโลก ผนวกกับการที่รัสเซียรุกรานยูเครนนั้น มีแนวโน้มผลักดันให้ราคาพลังงานเคลื่อนไหวในระดับสูงต่อไปอีกสักระยะ
 

 

 

- สหรัฐและชาติพันธมิตรเตรียมใช้มาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือด้วยการตัดออกจากระบบธุรกรรมโอนเงินระหว่างประเทศ (SWIFT) หากยังเดินหน้าทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ต่อไป
- รัฐบาลญี่ปุ่นปรับเพิ่มประมาณการ GDP 1Q65 โดยระบุว่า GDP หดตัวลง 0.5% ดีกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่า GDP หดตัวลงถึง 1% เนื่องจากการอุปโภคบริโภคยังคงฟื้นตัว แม้ญี่ปุ่นเผชิญกับการแพร่ระบาดรอบใหม่ของโรคโควิด-19
- ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC) ประกาศยกระดับเตือนภัยการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิง หลังพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกพุ่งขึ้นมากกว่า 1,000 ราย
- ธนาคารโลกปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้สู่ระดับ 2.9% จากเดิม 4.1% โดยได้รับผลกระทบจากการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน ซ้ำเติมความเสียหายที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีวันนี้มีโอกาส Rebound ระยะสั้น หลังปรับตัวลงแรงวันก่อน โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ชะลอตัวลงสู่ระดับต่ากว่า 3% ประกอบกับราคาน้ามันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดดัชนีวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,625 - 1,641 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• FTSE ประกาศหุ้นเข้า/ออก มีผลวันที่ 17 มิ.ย. FTSE All World Index : เข้า – ออก - , Micro Cap Index เข้า BRI CIVIL HENG KTBSTMR PEACE SVT TKC TFM WFX ออก –
• หุ้นส่งออกเดือน เม.ย. ที่ขยายตัวได้ดี : TWPC BRR KSL TU ASIAN KCE PDJ INOX
• กม. PDPA มีผลบังคับใช้ : HUMAN SECURE ITEL IIG INSET
• ปลดล็อกกัญชาเริ่ม 9 มิ.ย. : GUNKUL KWM RS BC IP DOD RBF
 

 

 

• FTSE SET Index ประกาศหุ้นเข้า/ออก มีผลวันที่ 20 มิ.ย. FTSE SET Large Cap Index : เข้า JTS ออก BTS , FTSE SET Mid Cap Index เข้า AAV BYD BTS FORTH NEX SABUY ONEE ออก IMPACT JTS

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

                                      PT – “ได้อานิสงส์การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19”
                                                           (ราคาเหมาะสม 6.10 บาท)  

Rebound หุ้นรายงานพิเศษ PT (8 มิถุนายน 2565)

•งวด 1Q22 บริษัทมีรายได้เท่ากับ 593.1 ล้านบาท ลดลง -3.5%QoQ เนื่องจากใน 4Q21 มีการรับรู้งานที่เลื่อนส่งมอบจากช่วงกลางปีก่อน แต่ยังเติบโต +49.2%YoY จากการส่งมอบงานโครงการ ให้ลูกค้ากลุ่มสถาบันการเงินและลูกค้ากลุ่มเทคโนโลยี ประกอบกับช่วง 1Q21 บริษัทได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้านอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 20.5% ทรงตัว QoQ แต่ปรับตัวดีขึ้นจาก 19.1% ใน 1Q21 จากงาน Professional Service ที่มี Margin สูงที่ฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ SG&A/Sales ทาได้ที่ 15.9% ปรับตัวดีขึ้นจาก 16.2% ในไตรมาสก่อน และ 23.3% ใน 1Q21 เนื่องจากบริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้มีประสิทธิภาพ ประกอบกับค่าใช้จ่ายพนักงานและค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ลดลง ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 1Q22 เท่ากับ 33.3 ล้านบาท ลดลง -31.3%QoQ แต่พลิกจากขาดทุนสุทธิ 1.4 ล้านบาท ใน 1Q21

 

ความเห็น: แนวโน้มผลประกอบการปี 22 เติบโตต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากลูกค้ากลุ่มธุรกิจโรงแรม และสถานศึกษาที่ฟื้นตัวชัดเจน จากอานิสงส์การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ประกอบกับลูกค้ากลุ่มสถาบันการเงินมีการยกระดับมาตรฐานด้าน Cyber Security เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีมิจฉาชีพนาข้อมูลลูกค้าไปสวมรอยทำธุรกรรมหลากหลายรูปแบบ เราคงประมาณการรายได้และกำไรสุทธิปี 22 เท่ากับ 2,351.0 ล้านบาท และ 133.6 ล้านบาท เติบโต +11.7%YoY และ +46.5%YoY ตามลาดับ คงคาแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” โดยคาดหวังอัตราผลตอบแทนเงินปันผลราว 6-8% ต่อปี

 

หุ้นมีข่าว